รู้ทันสัญญาณอันตราย "โนโรไวรัส (Norovirus)"

ศุกร์ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๗ ๑๐:๐๒
หน้าหนาวแบบนี้ มีโรคใหม่กำลังระบาดอีกแล้ว!! นั่นก็คือ "โนโรไวรัส" มักเกิดขึ้นในเด็ก ซึ่งตอนนี้มีเด็ก ๆ ติดเชื้อมากกว่า 1,000 คนแล้ว โนโรไวรัสคือโรคระบบทางเดินอาหารในคนทุกช่วงวัย โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ ไวรัสชนิดนี้มักทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และปวดท้องอย่างเฉียบพลัน และแพร่ระบาดได้ง่ายในชุมชนหรือสถานที่ที่คนอยู่ร่วมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านพักคนชรา
รู้ทันสัญญาณอันตราย โนโรไวรัส (Norovirus)

สาเหตุของการติดเชื้อโนโรไวรัส

  • การรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสนี้
  • การสัมผัสพื้นผิวหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนของเชื้อไวรัสนี้
  • การสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย เช่น การดูแลผู้ป่วย

ไวรัสชนิดนี้สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดี แม้จะอยู่ในอุณหภูมิต่ำหรือสูง ทำให้สามารถแพร่เชื้อได้ง่าย

อาการของการติดเชื้อโนโรไวรัส มักปรากฏภายใน 12-48 ชั่วโมงหลังได้รับเชื้อ และอาจคงอยู่ประมาณ 1-3 วัน

  • ท้องเสีย (ถ่ายเหลวหรือถ่ายน้ำ) อาเจียน (พบบ่อยในเด็ก)
  • ปวดท้อง หรือท้องอืด
  • มีไข้ต่ำ ๆ
  • ปวดศีรษะ

** ในผู้ป่วยบางราย โดยเฉพาะเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ อาจเสี่ยงต่อการขาดน้ำ หากมีอาการดังนี้ควรพบแพทย์ทันที

  • กระหายน้ำมาก
  • ริมฝีปากแห้ง
  • ปัสสาวะน้อยหรือสีเข้ม
  • อ่อนเพลียรุนแรง

การรักษา ปัจจุบันไม่มีการรักษาเฉพาะสำหรับการติดเชื้อโนโรไวรัส การรักษาเน้นการประคับประคองอาการ เช่น:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ป้องกันภาวะขาดน้ำ
  • ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) หรือเครื่องดื่มที่ช่วยคืนสมดุลน้ำ
  • หลีกเลี่ยงน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง
  • ยารักษาตามอาการยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล
  • หลีกเลี่ยงยาแก้ท้องเสียในเด็กเล็ก เว้นแต่แพทย์สั่ง

การป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสอาหารหรือสิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
  • ทำความสะอาดพื้นผิว ที่อาจปนเปื้อนเชื้อไวรัสด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ปรุงอาหารให้สุก โดยเฉพาะอาหารทะเล
  • หากมีอาการ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่นอย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังจากอาการหาย

การติดเชื้อโนโรไวรัส มักเกิดขึ้นในเด็ก หากผู้ปกครองท่านใดกังวลว่าลูกบุตรหลาน จะได้รับเชื้อไวรัสตัวนี้ ควรดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและมีประโยชน์ ป้องกันตัวเองในเรื่องของความสะอาดและดูแลหมั่นสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากเกิดอาการตามข้อมูลข้างต้น ควรรีบพาบุตรหลานเข้าพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดโรค

บทความโดย แพทย์หญิง ศิริพร แจ่มจำรัส แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการพัฒนาการเด็ก โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC)

ที่มา: บางกอก เชน ฮอสปิทอล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๐ MEDEZE ร่วมอภิปรายงานประชุมวิชาการนานาชาติ สถานการณ์การพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (ATMPs) ในประเทศไทย
๑๖:๐๐ เมืองไทยประกันชีวิตและมูลนิธิเมืองไทยยิ้ม ออกหน่วยบริการตรวจวัดสายตาและมอบแว่นตาให้ผู้สูงอายุต่อเนื่อง ปีที่
๑๖:๐๐ ราชยานยนต์สมาคมฯ และกรังด์ปรีซ์ฯ ร่วมหนุน เอ็นโซ่ ธารวณิชกุล นักแข่ง Formula 4 ดาวรุ่งไทยแท้อนาคตไกล สู่ Formula 1
๑๖:๐๐ โรงแรมเซ็นทารา โคราช จับมือ ขนมจีนประโดกบ้านครูยอด ร่วมส่งเสริมเมนูท้องถิ่น ผ่านโปรเจ็กต์ Local Hero Menu
๑๖:๐๐ MSC จัดกิจกรรมอาสาปลูกป่าศูนย์ศึกษาธรรมชาติกองทัพบกบางปู
๑๖:๐๐ สสส. wearehappy ร่วมกับศูนย์พัฒนาเด็กเทศบาลตำบลเดิด จ.ยโสธร ส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กและครอบครัวผ่านนิเวศสื่อสุขภาวะ
๑๖:๐๐ โตชิบาร่วมยินดีเปิดฉลองโฉมใหม่เซ็นทรัล ชิดลม
๑๖:๐๐ เดอะ คอฟฟี่ คลับ เสิร์ฟเมล็ดซิกเนเจอร์เบลนด์ใหม่ มาตรฐานระดับโลก เอาใจคอกาแฟเลิฟเวอร์ไทยและต่างชาติ ตอกย้ำความเป็นร้านกาแฟออลเดย์ไดนิ่งชั้นนำ
๑๖:๐๐ CHO ลุยส่งมอบรถลำเลียงอาหารให้ลูกค้าสายการบินต่างประเทศ ชูปี 68 รับคำสั่งซื้อพุ่งจากอุตสาหกรรมการบินโต
๑๕:๐๑ กรมอนามัย เร่งฟื้นฟูพื้นที่ บ้านเรือน-ชุมชน หลังพ้นวิกฤติ น้ำท่วม ภาคใต้