นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด (GBS) เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ส่งให้บริษัทฯ มียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 200 ล้านบาท ภายใต้การบริหารของทีมงานผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย คุณฐิติพันธ์ ไผ่ศิริกุล Head of Private fund คุณอิศรา ปวรทิตา Senior Fund manager และคุณชัยรัตน์ คงสุนทร Fund Manager
ดังนั้นบริษัทฯ เดินหน้าการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ปี 2568 แตะระดับ 500 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอิงกับปัจจัยพื้นฐาน เทคนิค โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งกองทุนส่วนบุคคลของ บล.โกลเบล็ก เปิดรับการลงทุนของลูกค้าขั้นต่ำเพียง 3 ล้านบาท และยังสามารถโอนหุ้นที่ติดอยู่ในพอร์ตการลงทุนรวมเป็นเงินลงทุนเริ่มต้นได้
"กลุ่มนักลงทุนที่สนใจลงทุน และไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถเลือกใช้บริการของกองทุนส่วนบุคคลของ "โกลเบล็ก" ได้เพราะทีมผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์การลงทุน"
ปัจจุบัน "โกลเบล็ก" มีสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าจากโบรกเกอร์ ประมาณ 32.07% ส่วนการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ประมาณ 1.05% ที่เหลือเป็นอื่นๆ อาทิ การทำธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้ และสัญญาซื้อคืน (Sale buy back), ผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ (Underwriter) และให้บริการด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนรวม (Wealth Management) รวมไปถึงบริการ Block trade คิดเป็นประมาณ รวมอื่นทั้งหมด 66.88% ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2568 มีการเติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบจากปี 2567
ปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนหันมาใช้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ของ บล.โกลเบล็ก ดังนี้
- บริหารกองทุนโดยผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ มากกว่า 13 ปี โดยมีการใช้ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลักและปัจจัยทางเทคนิคช่วยประกอบการตัดสินใจ
- มีความยืดหยุ่นในการบริหารและปรับสัดส่วนเงินลงทุนโดยสามารถปรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นได้ ร้อยละ 0-100 โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ที่กระทบตลาดและหลักทรัพย์อย่างใกล้ชิด
- มีนโยบายการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตและมีระดับการตัดขาดทุนที่ชัดเจน
- สามารถ ลงทุนและไถ่ถอน ได้ตลอดไม่มี Lock up penalty
สำหรับแนวโน้มนโยบายการเงินและทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปี 2568 ทาง CEO บล.โกลเบล็ก มองภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว หลังจากดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 และคาดว่าจะลดลงอีก 0.50% ในการประชุมที่เหลือสองครั้งในปีนี้ และสำหรับประเทศไทยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 0.25% เมื่อเดือนตุลาคม และต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568
อีกทั้งทางภาครัฐเองก็มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ ทั้งการแจกเงิน 10,000 บาทในเฟสแรก ช่วยกระตุ้นรากหญ้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่จะมีการใช้จ่ายอุปโภค บริโภคโดยตรง ส่วนตัวเลขนักท่องเที่ยวยังเติบโตได้ตามเป้าหมาย และมีโอกาสเกินเป้าหมายที่นำวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 35-36 ล้านคนในปีนี้ อีกทั้งการมีเม็ดเงินใหม่เข้าหนุนตลาดผ่านกองทุนรวม TESG และกองทุนวายุภักษ์ เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีวอลุ่มซื้อขายเพิ่มขึ้น ช่วยเสริมความน่าสนใจในหุ้นไทยเพิ่มขึ้น และการเคลื่อนไหวของกรอบดัชนีในปัจจุบันซื้อขายอยู่ในระดับ 1,450-1,460 จุด คิดเป็น Forward PER ของปี 2025 ที่ระดับ 14.6 เท่า และ PBV ที่ระดับ 1.37 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวในอดีต
ที่มา: มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์