นายแพทย์ธิติ กล่าวต่อไปว่า กรมอนามัย ห่วงใยสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก เด็กวัยเรียน และผู้สูงอายุ โดยเฉพาะเทศกาลวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์นี้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง และครู ควรดูแลเป็นพิเศษ เนื่องจากเด็กมีระบบภูมิคุ้มกันและปอดยังพัฒนาไม่เต็มที่ และมีอัตราการหายใจมากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้มีโอกาสหายใจเอาฝุ่นเข้าไปได้ง่าย หากเด็กสัมผัสกับมลพิษทางอากาศในระดับสูง อาจเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังในระยะยาว เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ รวมทั้งส่งผลต่อพัฒนาการทางระบบประสาทและความสามารถทางปัญญาของเด็ก ขอให้ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิด หากมีค่าฝุ่นอยู่ในระดับเกินมาตรฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ (สีส้ม) ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น ลานกิจกรรม สนามกีฬา สวนสาธารณะ ควรจัดกิจกรรมในห้องหรือในอาคาร และทำให้เป็นห้องปลอดฝุ่น หากจำเป็นต้องออกนอกอาคารให้เด็กสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง โดยเลือกหน้ากากที่มีขนาดของหน้ากากเหมาะสม และสวมใส่ให้กระชับกับใบหน้าของเด็ก
"กรมอนามัย ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ ที่เว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชั่น "Air4Thai" หรือ "Life dee" หากค่า PM2.5 อยู่ในระดับเกินมาตรฐานและเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดฝุ่น เช่น การจุดธูป ปิ้งย่าง เผาขยะ เผาเศษใบไม้ เป็นต้น ลดกิจกรรมกลางแจ้ง หลีกเลี่ยงการไปในพื้นที่เสี่ยงฝุ่นสูง ถ้าจำเป็นต้องไปให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันฝุ่น หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวีด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์ ประชาชนสามารถประเมินอาการตนเองได้เบื้องต้นจาก 4HealthPM2.5 ได้ที่เว็ปไซต์ หรือ LINE Official 4Health สำหรับบ้านที่มีกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ควรจัดเตรียมห้องปลอดฝุ่นและอยู่ในห้องปลอดฝุ่น ทั้งนี้ ประชาชนสามารถค้นหาห้องปลอดฝุ่นใกล้บ้านได้ที่เว็ปไซต์ห้องปลอดฝุ่น หรือสามารถสอบถามปรึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจากฝุ่นละออง PM2.5 ได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478" รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ที่มา: กรมอนามัย