โดยมีนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
นายสรวงศ์กล่าวถึงความสำคัญของภูเก็ตในฐานะศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลของประเทศไทย โดยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การเร่งรัดก่อสร้างถนนสายหลัก การส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน รวมถึงแนวคิดใหม่อย่าง "โบตแท็กซี่" ที่จะเชื่อมต่อท่าเรือรอบเกาะภูเก็ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและส่งเสริมการเดินทางภายในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถบัสไฟฟ้า (EV Bus) เพื่อแก้ปัญหาในระยะสั้นและส่งเสริมการเดินทางที่ยั่งยืน แก้ปัญหาด้านความปลอดภัยและการจัดการสิ่งแวดล้อม :
นายสรวงศ์ย้ำถึงความสำคัญของความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดในการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและอาชญากรรมในพื้นที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ ยังผลักดันโครงการจัดการขยะและการรณรงค์คัดแยกขยะในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนให้เพิ่มมูลค่าขยะเพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและผลักดัน Soft Power
นายสรวงศ์เปิดเผยว่า ในปี 2567 ภูเก็ตสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 481,377 ล้านบาท และมีนักท่องเที่ยวกว่า 12.89 ล้านคน โดยเป้าหมายในปีนี้คือการเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อหัวของนักท่องเที่ยว พร้อมผลักดันกิจกรรมขนาดใหญ่ (Big Event) และเทศกาลสำคัญในพื้นที่ เพื่อรองรับนโยบาย Soft Power และดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง
"กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพร้อมทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันภูเก็ตให้เป็นจุดหมายปลายทางระดับโลก ทั้งในด้านการท่องเที่ยวทางทะเล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างความปลอดภัยในพื้นที่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะยกระดับภูเก็ตสู่การเป็น Premium Destination อย่างยั่งยืน" นายสรวงศ์กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: เมพขิงขิง