ที่ผ่านมา รัฐอัสสัมมีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน เนื่องด้วยความคล้ายคลึงกันทางประวัติศาสตร์ สภาพภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรม อีกทั้งรัฐอัสสัมยังมีแหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO และมีชุมชนคนไทยที่อยู่ในรัฐอัสสัม โดยรัฐบาลอัสสัมให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว รวมถึงประสงค์ที่จะเรียนรู้การบริหารจัดการการท่องเที่ยวและแสวงหาโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจ
ในการเข้าพบหารือดังกล่าว รัฐมนตรีด้านข้อมูล เทคโนโลยี และคมนาคมแห่งรัฐบาลรัฐอัสสัมได้เชิญชวนเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุน Advantage Assam 2.0 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 25 และ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ณ เมืองกูวาฮาติ รัฐอัสสัม อินเดีย และขอความร่วมมือจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง ทั้งในภาคการท่องเที่ยว และการบริการที่เกี่ยวข้องของไทยเดินทางไปเข้าร่วมงาน โดยภายในงานฯ จะมีนายกรัฐมนตรีอินเดียเป็นประธานในพิธีเปิด และมีรัฐมนตรีจากหลายกระทรวงของอินเดีย และเอกอัครราชทูตจากชาติสมาชิกอาเซียนเข้าร่วม ซึ่งไทยสามารถสร้างเครือข่ายด้านธุรกิจท่องเที่ยวร่วมกันได้
ทั้งนี้ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเน้นย้ำจุดยืนของไทยในการให้ความสำคัญกับอินเดีย ในฐานะตลาดท่องเที่ยวศักยภาพ และได้แจ้งความประสงค์ให้อินเดียพิจารณาขยายยกเว้นการตรวจลงตราให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทย รวมถึงอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานให้กับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในอินเดีย
นอกจากนี้ ในปัจจุบันจะมีการเปิดเส้นทางบินตรง กรุงเทพฯ - อัสสัม เพียง 1 เที่ยวเท่านั้น ซึ่งยังคงไม่เพียงพอ และประสงค์จะให้ขยายเส้นทางบินไปยังเมืองท่องเที่ยวอื่น ๆ โดยในอนาคตในอีก 5 ปี มีความเป็นไปได้ที่จะส่งเสริมการเชื่อมโยงทางบก ทั้งนี้ ยังมีประเด็นความร่วมมืออื่น ๆ ที่ไทยและอินเดียสามารถขยายความร่วมมือได้ อาทิ การประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ อาทิ งานเทศกาลสงกรานต์ และงานดิวาลี การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการท่องเที่ยวคู่สมรส และการถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย โดยในอนาคต ไทยยินดีต้อนรับ หากอินเดียพิจารณาเปิดสำนักงานการท่องเที่ยวในไทย
ที่มา: เมพขิงขิง