Taeyong Son, Executive Vice President of Visual Display Business at Samsung Electronics. กล่าวว่า "การรับรองในครั้งนี้ถือเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเราในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้งาน โดยให้ความสำคัญกับความสบายของดวงตาและลดความเมื่อยล้าจากการรับชม ทั้งยังคงมอบคุณภาพของภาพที่ยอดเยี่ยมควบคู่ไปพร้อมกัน ซึ่งเราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์และปรับตัวตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของผู้ใช้งานอยู่เสมอ พร้อมทั้งนำเสนอความบันเทิงสมจริงและความสบายต่อสายตาในระยะยาวอย่างยั่งยืน"
การรับรองดังกล่าวครอบคลุมทั้งรุ่นหลักในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Neo QLED และไลฟ์สไตล์ทีวี รวมถึง The Frame และ The Serif โดยมีการประเมินตามเกณฑ์สำคัญ 6 ด้าน ได้แก่ ความปลอดภัยต่อดวงตา (Safety for Eyes) ความอ่อนโยนต่อสายตา (Gentle to the Eyes) ระดับการกระพริบของภาพ (Flicker Level) ความสม่ำเสมอของภาพ (Uniformity) ความแม่นยำของสี (Color Fidelity) และดัชนี Circadian Stimulus (CS) ซึ่งเป็นกรอบการประเมินที่ออกแบบมาเพื่อวัดความสบายในการรับชมและความสอดคล้องกับจังหวะนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติ
หัวใจสำคัญของความสำเร็จของซัมซุงคือฟีเจอร์ EyeComfort Mode ซึ่งปรับความสว่างและอุณหภูมิสีโดยอัตโนมัติตามช่วงเวลาของวันและแสงโดยรอบในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ โดยฟีเจอร์นี้จะจำลองรูปแบบแสงธรรมชาติ เพื่อลดความเมื่อยล้าของดวงตาขณะรับชมในเวลากลางวัน และสร้างบรรยากาศที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายในเวลากลางคืน ซึ่งสอดคล้องกับจังหวะนาฬิกาชีวิตตามธรรมชาติของร่างกาย
การรับรองครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำถึงความโดดเด่นของซัมซุงทีวีในฐานะผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ที่ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานเป็นหลัก โดยก่อนหน้านี้ ทีวีในกลุ่ม Neo QLED ได้รับการรับรอง Circadian Rhythm Display จาก VDE ในขณะที่กลุ่มไลฟ์สไตล์ทีวีของซัมซุงได้รับการรับรอง Glare-Free จาก Underwriters Laboratories (UL) สำหรับคุณสมบัติในการลดความเมื่อยล้าของสายตา นอกจากนี้ ทีวีซัมซุงยังได้รับการรับรอง Pantone Validated สำหรับความแม่นยำของสีที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
ที่มา: ChomPR