นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX กล่าวว่า ปัจจัยดังกล่าวอาจกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้มีมูลค่าที่ลดลง (De-rating) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเติบโตสูง (Growth) ที่มี Market Risk Premium (MRP) ต่ำ ในทางกลับกันตลาดหุ้นเอเชียมีโอกาสกลับมาเป็นเป้าหมายของการลงทุนระยะกลางหากญี่ปุ่นปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวหลังผ่านพ้นช่วง Lag-time ของการกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว ทั้งนี้ การฟื้นตัวดังกล่าวอาจช่วยลด Market Risk Premium ในตลาดเอเชีย
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย KTX แนะนำให้นักลงทุนลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มเติบโตสูง (Growth) และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มคุณค่า (Value) ซึ่งรวมถึงหุ้นไทยกลุ่มเด่นอย่าง KBANK, SCB, TTB, KKP, BLA, BDMS, CPN และ CPALL ที่มีศักยภาพการเติบโตระยะยาว
ด้านตลาดหุ้นจีนมีหุ้นแนะนำในกลุ่มเทคโนโลยี การบริโภค และการท่องเที่ยว อาทิ Xiaomi (1810), JD.com (9618), BYD (1211), Trip.com (9961) และ Haier (6690) ซึ่งได้รับการปรับคาดการณ์กำไรเพิ่มขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
"การปรับพอร์ตให้สอดคล้องกับกระแสเงินทุนและแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว" นายณัฐวุฒิกล่าวเสริม
ที่มา: ChomPR