แต่เดิมที พื้นที่บ้านจำปูน มีปัญหาด้านการขาดแคลนน้ำ มีน้ำไม่พอต่อการอุปโภคบริโภคและทำการเกษตร และเป็นปัญหาวิกฤตในช่วงฤดูแล้ง และมีปัญหาน้ำท่วมขังในช่วงฤดูฝน ทำให้ไม่สามารถทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี มีการทำการเกษตรเชิงเดี่ยวและเลี้ยงวัวแบบปล่อย สถาบันปิดทองหลังพระฯ จึงร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำและปรับปรุงบำรุงดิน เมื่อแล้วเสร็จจึงต่อยอดสู่การพัฒนาส่งเสริมอาชีพเกษตรกรในพื้นที่ โดยการสนับสนุนให้ปลูกอ้อยคั้นน้ำ ซึ่งเป็นพืชที่เหมาะกับสภาพดินของท้องถิ่นที่ทนต่อสภาพแห้งแล้ง หน้าร้อน และน้ำท่วมขัง ในฤดูฝน โดยผลผลิตจากอ้อยคั้นน้ำของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรฯ เป็นที่ต้องการอย่างมากในช่วงเดือนรอมฎอนของพี่น้องชาวไทยมุสลิม
ในการนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา และคณะดูงานได้เยี่ยมชมความสำเร็จของโครงการวิสาหกิจชุมชนเกษตรทฤษฎีใหม่บูงากาโป และพบปะกลุ่มเกษตรกรปลูกอ้อยคั้นน้ำที่มาจากการรวมกลุ่มเกษตรกร 15 ราย ผู้ทำการปลูกอ้อยคั้นน้ำพันธุ์สุพรรณบุรี 50 และพันธุ์ศรีสำโรง บนพื้นที่ 10 ไร่ พร้อมประสานความร่วมมือกับสถาบันปิดทองหลังพระฯ และหน่วยงานภาคี รวมทั้งภาคเอกชน เตรียมยกระดับผลิตภัณฑ์อ้อยคั้นน้ำ ทั้งน้ำอ้อย, ลำอ้อย และต้นกล้าสำหรับเพาะพันธุ์อ้อย ให้มีมาตรฐานน่าเชื่อถือ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าและขยายการตลาดช่องทางจัดจำหน่ายสู่ร้านสะดวกซื้อท้องถื่นในอนาคต สร้างความยั่งยืนทางอาชีพและเศรษฐกิจครัวเรือนให้กับกลุ่มเกษตรกร พร้อมยกระดับการปลูกอ้อยคั้นน้ำเป็นโมเดลต้นแบบสำหรับถ่ายทอดองค์ความรู้ การบริหารจัดการ การดำเนินงานให้กับพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดยะลาต่อไป โดยแผนการดำเนินงานครั้งนี้อยู่ภายใต้แผนการดำเนินโครงการ ยกระดับผลิตภัณฑ์ความต้องการของตลาดและพัฒนาเกษตรกรผู้ประกอบการ (อ้อยคั้นน้ำ) ปี 2568 ของจังหวัดยะลา
ที่มา: สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
