นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร สายงานส่งเสริมธุรกิจ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดรับสร้างบ้านปี 2568 เป็นที่น่ากังวลทั้งปริมาณความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ตลอดจนภาวะการแข่งขันที่มีแนวโน้มแข่งขันราคากันรุนแรง ทั้งในส่วนของตลาดรับสร้างบ้านพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงในปีนี้น่าจะเป็นปีที่มีความยากลำบากของกลุ่มรับสร้างบ้านมืออาชีพ และเป็นปีที่วิกฤติสำหรับกลุ่มรับสร้างบ้านมือใหม่-มือสมัครเล่นที่อาจต้องถอนตัวออกจากธุรกิจรับสร้างบ้าน ในส่วนของผู้ประกอบการรายที่มีการปรับตัวหรือเตรียมพร้อมรับมือไว้ดีแล้ว เชื่อว่าจะสามารถประคองตัวรอดไปได้ในปีนี้แม้จะยากลำบากก็ตาม
ในช่วงครึ่งหลังปีที่แล้ว บริษัทฯ มีการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจปี 2568 รวมถึงสถานการณ์ตลาดรับสร้างบ้านจะเป็นไปในทิศทางใด เพื่อจะปรับปรุงการบริหารจัดการและกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง โดยบริษัทฯ คาดว่าการแข่งขันของธุรกิจรับสร้างบ้านน่าจะทั้งหนักและเหนื่อยกว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไว้แต่เนิ่น ๆ ได้แก่ "การปรับปรุงช่องทางสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย และการนำนวัตกรรมระบบโครงสร้าง Bubble Deck มาใช้ก่อสร้างบ้านแทนโครงสร้างแบบเดิม" ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อตอกย้ำให้ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและทั่วไปรับรู้ว่า พีดีเฮ้าส์ คือ "แบรนด์รับสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม"
นางสาวจิราภา สุวรรณสุต ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร สายงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์และออกแบบ กล่าวเสริมว่าระบบโครงสร้าง Bubble Deck เป็นเทคโนโลยีก่อสร้างและลิขสิทธิ์จากประเทศเดนมาร์ก โดยทั่วไปจะใช้ในงานก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่หรืออาคารสูง ลักษณะโครงสร้างเป็นพื้นคอนกรีตแบบไร้คาน มีจุดเด่นที่สำคัญหลายประการ เช่น ลดปริมาณการใช้คอนกรีต (คาร์บอนเครดิต) มีความเป็นฉนวนช่วยลดอุณหภูมิเข้าสู่อาคาร (จากพื้นดาดฟ้าหรือพื้นหลังคา) ลดข้อจำกัดการเปลี่ยนแปลงระหว่างทำการก่อสร้าง (ย้ายผนังกั้นห้อง) และช่วยเพิ่มระดับความสูงฝ้าเพดานภายในบ้าน (ไม่มีคาน) ฯลฯ ทั้งนี้ พีดีเฮ้าส์ ถือเป็นรายแรกที่จะนำมาใช้กับงานก่อสร้างบ้านหรือบ้านแนวราบ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายไตรมาสแรกปี 2568 นี้"
สำหรับการสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายและทั่วไป พีดีเฮ้าส์ คงเน้นสื่อสารสร้างความชัดเจนผ่านช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ปรับปรุงใหม่ให้เข้าถึงข้อมูลได้สะดวก บนทุกแพลตฟอร์มและโซเชียลมีเดียทุกชาแนล รวมถึงศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ที่มีสาขากระจายอยู่ทุกภูมิภาคทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงกระบวนการทำงานภายในองค์กร ด้วยการนำระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) มาใช้วางแผน-ประสานงาน-ติดตามผลงานก่อสร้าง, บริหารงานบัญชี-การเงิน, บริหารงานจัดซื้อ-จัดจ้าง, ควบคุมและวิเคราะห์ต้นทุนก่อสร้าง และลดการใช้กระดาษในการทำงาน ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง รวมถึง สะท้อนความเป็นแบรนด์รับสร้างบ้านเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมที่จะเติบโตหรือขยายปริมาณงานรับสร้างบ้านได้เมื่อมีโอกาสในอนาคต
ที่มา: พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล
