"งานจักสานของจีนนั้นเลื่องลือเหนือประเทศอื่น งานจักสานของมณฑลซานตงก็เลื่องลือกว่ามณฑลอื่น ๆ ของจีน และงานจักสานของอำเภอหลินซูก็เลื่องลือยิ่งกว่าที่อื่นใด" อำเภอหลินซูมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในการปลูกและแปรรูปต้นหลิว และมีชื่อเสียงด้านงานจักสานมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิวจวงนำต้นหลิวจากแม่น้ำซูมาจักสานเป็นของใช้ต่าง ๆ เช่น ตะกร้าและภาชนะ ซึ่งกลายเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมท้องถิ่น ด้วยคุณค่าทั้งทางเศรษฐกิจ ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และความงามทางศิลปะ
เมื่อเวลาผ่านไป งานจักสานได้พัฒนาจากงานฝีมือในครัวเรือนกลายเป็นอุตสาหกรรมสำคัญ โดยย้อนกลับไปในช่วงต้น ๆ ของสาธารณรัฐประชาชนจีน อำเภอหลินซูได้ส่งเสริมภาคส่วนนี้อย่างจริงจัง และในปี 2516 ผลิตภัณฑ์จักสานของที่นี่ได้ถูกบรรจุในแผนการส่งออกระดับชาติครั้งแรก ซึ่งเท่ากับว่าเปลี่ยนจากกิจกรรมธรรมดา ๆ ในครัวเรือนให้กลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญจากต่างประเทศ งานจักสานได้กลายเป็นช่องทางสำคัญสำหรับชาวนาในหลินซูในการหางานทำและเพิ่มรายได้
ปัจจุบัน อำเภอหลินซูมีพื้นที่ปลูกต้นหลิวประมาณ 100,000 หมู่ และมีครัวเรือนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมจักสานถึง 50,000 ครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 9 เมือง โดยมีบริษัทชั้นนำอย่าง Ronghua, Meiyi และ Qinglang รวมถึงอีกหลายแห่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นวิสาหกิจส่งออกวัฒนธรรมระดับชาติประจำปี 2566-2567 นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจักสานต้นหลิวอีก 13 แห่ง อาทิ Qinglang และ Zhaoxing ที่ได้รับการรับรองจากมณฑลซานตงให้เป็นวิสาหกิจส่งออกสินค้าและบริการทางวัฒนธรรมสำคัญในช่วงปี 2562-2563 คิดเป็น 1 ใน 5 ของบริษัทที่ได้รับการรับรองทั้งหมดในมณฑลนี้
เพื่อสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและเพิ่มรายได้ให้ชุมชน อำเภอหลินซูได้ก่อตั้งสมาคมหัตถกรรมจักสานขึ้นมา และผลักดันการเข้าสู่ตลาดสากลอย่างแข็งขัน โดยส่งคณะผู้แทนเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติที่สำคัญกว่า 10 งานตลอดทั้งปี เช่น งานแคนตันแฟร์ (Canton Fair) และงานอัมเบียนต์ (Ambiente) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จักสานจากหลินซูได้ส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก
ที่มา: รัฐบาลประชาชนเมืองหลินอี๋