'ไซโน โลจิสติกส์ฯ' มองภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศปี 68 ประเมินนโยบายขึ้นภาษียุคทรัมป์ 2.0 ไม่กระทบดีมานด์ขนส่งสินค้าไทย-สหรัฐฯ

พฤหัส ๓๐ มกราคม ๒๕๖๘ ๑๒:๑๐
"บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น" หรือ SINO มองภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศปี 68 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการค้าโลก ประเมินนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าในยุคทรัมป์ 2.0 ไม่กระทบดีมานด์ขนส่งสินค้าเส้นทางไทย-สหรัฐฯ ชี้สหรัฐฯ ยังมีต้นทุนการผลิตในประเทศสูงกว่าและยังไม่สามารถผลิตสินค้าบางประเภทได้เอง วางกลยุทธ์นำบริษัทฯ ขยายฐานธุรกิจในอาเซียน รองรับการขยายตลาดและรองรับดีมานด์จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจีน
'ไซโน โลจิสติกส์ฯ' มองภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศปี 68 ประเมินนโยบายขึ้นภาษียุคทรัมป์ 2.0 ไม่กระทบดีมานด์ขนส่งสินค้าไทย-สหรัฐฯ

นายนันท์มนัส วิทยศักดิ์พันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SINO เปิดเผยว่า จากความกังวลภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าทั่วโลกที่มีความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้น หลังจากที่

นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นสมัยที่ 2 (ทรัมป์ 2.0) อย่างเป็นทางการ และเริ่มดำเนินนโยบายปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้ากับประเทศต่างๆ นำมาสู่ความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหากสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เช่น ไทย, เวียดนาม เป็นต้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการขนส่งสินค้า และการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเลในเส้นทางไทย-สหรัฐฯ

ปัจจัยที่บริษัทฯ มีมุมมองดังกล่าว เนื่องจากแม้สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศอื่นๆ ที่เกินดุลการค้า แต่ต้นทุนการผลิตสินค้าประเภทเดียวกันในสหรัฐฯ ก็ยังคงสูงกว่าการนำเข้าจากประเทศดังกล่าว ประกอบกับสหรัฐฯ ยังต้องพึ่งพาการนำเข้าสินค้าบางรายการที่ไม่สามารถผลิตได้เอง เช่น อาหาร เป็นต้น ส่วนสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมหากมีการย้ายฐานการผลิตจากจีน มองว่าไทยและประเทศในภูมิภาคอาเซียนน่าจะเป็นประเทศเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของผู้ประกอบการจีน

"เรามองว่าการปรับขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ จะส่งผลกระทบต่อกลุ่มผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าในสหรัฐฯ ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการนำเข้าและส่งออกสินค้าจากสหรัฐฯ จะมีอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นโอกาสของผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ" นายนันท์มนัส กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนขยายฐานธุรกิจขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยในปีที่ผ่านมาได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์จัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ประเทศมาเลเซีย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศจากมาเลเซีย-สหรัฐฯ และมาเลเซียไปยังภูมิภาคอื่นๆ รวมถึงขยายการลงทุนในเวียดนามที่เตรียมเปิดให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในเร็วๆ นี้ โดยมาเลเซียเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงจากปริมาณการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่เวียดนามเป็นผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ เป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการขนส่งสินค้าจากอาเซียนไปยังสหรัฐฯ หากมีการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการจีนมายังประเทศไทย มาเลเซีย และเวียดนาม

ที่มา: เอ็ม ที มัลติมีเดีย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๕๓ ทรูมันนี่ และ แอสเซนด์ บิท จับมือ วรุณา สนับสนุนป่าไม้ไทยสู่ความยั่งยืน ร่วมเดินหน้าโครงการนำร่องคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้
๑๔:๒๓ กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว ออร์บิกซ์ กรุ๊ป ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในงานฟินเทคระดับโลก Money20/20
๑๔:๓๑ แรบบิทแคชส่งแคมเปญ กระเป๋าเงินทุนออนไลน์ กระเป๋าเงินทุนที่เข้าใจหัวใจ คนค้าขาย พร้อมเคียงข้างพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ให้ฝันไปต่อได้ทุกวัน
๑๔:๒๕ ฮั่วเซ่งเฮงผนึกกำลังไปรษณีย์ไทย ต่อยอดธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้กับฮั่วเซ่งเฮง ช้อปออนไลน์
๑๔:๒๘ CKPower สานต่อ โครงการหิ่งห้อย ปีที่ 8 เพิ่มโอกาสทางการศึกษา ส่งมอบอาคารห้องสมุดประหยัดพลังงาน
๑๓:๕๖ Trinket ปฏิวัติวงการ Merch หรือสินค้าของเหล่าศิลปิน เปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่สุดล้ำ Hyper-Personalized Merch แบบ limited edition
๑๓:๔๔ สวารอฟสกี้ เนรมิตความซุกซนของมินเนียนผ่านประกายคริสตัล
๑๒:๔๖ GREEN MARKET ตลาดกรีนของเมืองหัวหินมาแว้ว
๑๒:๒๔ วว. วิจัยพัฒนาการใช้ประโยชน์สารสกัด ใบเตย เสริมสุขภาพระบบกระดูก/ข้อ สำหรับสังคมก่อนและสูงวัย
๑๒:๔๘ กรมส่งเสริมการเกษตร จับมือเกษตรเขต 2 พร้อมเกษตรจังหวัด 8 จังหวัด ประชุมขับเคลื่อนสินค้าเกษตรมูลค่าสูง ภาคตะวันตก เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าใน 4