สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษี Thai ESG และ RMF ของ SCBAM ปัจจุบันมีให้เลือกครบตอบโจทย์ทุกความต้องการลงทุน นำโดยกลุ่มกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน Thai ESG ซึ่ง SCBAM มีอยู่ 5 กองทุน ครอบคลุมการลงทุนทั้งหุ้นไทยแอคทีฟ หุ้นไทยพาสซีฟ หุ้นไทยปันผล ตราสารหนี้ และแบบผสม โดยกองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน SCBTM(ThaiESG) ที่ลงทุนทั้งในตราสารหนี้และหุ้นไทยของบริษัทโดดเด่นด้าน ESG และอีกหนึ่งกองทุน SCBTP(ThaiESG) ลงทุนหุ้นไทยตามดัชนี SETESG
ในส่วนของกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF มีให้เลือกกว่า 28 กองทุน ครอบคลุมทุกสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งแบบการลงทุนเชิงรุก (Active Fund) และกองทุนดัชนีเด่น ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนและปรับพอร์ตให้สอดรับกับสถานการณ์ตลาดได้ทุกจังหวะ โดยกองทุนแนะนำ ได้แก่ กองทุน SCBRMS&P500 ที่ลงทุนตามดัชนี S&P500 สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ และกองทุน SCBRMNDQ ที่ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ตามดัชนี NASDAQ-100 ซึ่งทั้ง 2 กองทุนมีโอกาสเติบโตตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ และเหมาะกับการทยอยลงทุนสะสมระยะยาว
นางสาวศุกรัตน์ กล่าวว่า "การลงทุนกับกองทุน Thai ESG และ RMF ผู้ลงทุนสามารถทยอยลงทุนสะสมได้เต็มสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุด 800,000 บาท โดยทั้ง 2 กองทุนมีวงเงินที่แยกกันคือ กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท และกองทุน RMF ได้สูงสุด 500,000 บาท โดยการเริ่มทยอยลงทุนตั้งแต่ต้นปีนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด ยังช่วยลดความเครียดจากการลงทุนที่ไม่จำเป็นต้องคาดการณ์ว่าตลาดจะขึ้นหรือลง เพราะเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ และการลงทุน DCA ถือเป็นแนวทางการลงทุนที่เหมาะสมกับกองทุนประเภทลดหย่อนภาษีอย่างมาก เพราะเป็นการลงทุนระยะยาว ช่วยให้สะสมสินทรัพย์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ตลาดทุนเริ่มมีการฟื้นตัวที่น่าสนใจ และหลายสินทรัพย์มีสัญญาณปรับตัวขึ้น เป็นจังหวะเริ่มต้นลงทุนที่ดีเพื่อรับโอกาสการเติบโตของตลาดทุนในอนาคต"
ที่มา: บลจ.ไทยพาณิชย์