นายรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1,819.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ร้อยละ 65 จากการรับรู้รายได้เต็มปีของคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือในประเทศไทย การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรทั้งปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา และการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว
"การรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ สามารถชดเชยผลกระทบจาก Adder หรือ อัตราค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มจากอัตรค่าไฟฟ้าปกติของโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทยที่หมดลงในปีนี้" นายรวีกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยการเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมขนาด 99 เมกะวัตต์ ในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการเข้าซื้อกิจการ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในครึ่งแรกของปี 2568
"ในปี 2568 เรายังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและทยอยเปิดดำเนินการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม "มอนซูน" ขนาด 600 เมกะวัตต์ ในสปป. ลาว ซึ่งป็นโครงการที่จะขายไฟฟ้าไปยังเวียดนาม และโครงการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง ให้บริการพื้นที่รอบโครงการสามย่านสมาร์ทซิตี้ ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้" นายรวีกล่าวทิ้งท้าย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 มีมติเห็นชอบการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังสำหรับงวดวันที่ 1 กรกฎาคม- 31 ธันวาคม 2567 ในอัตรา 0.18 บาทต่อหุ้น และเมื่อรวมเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายไปแล้วจากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม- 30 มิถุนายน 2567 คิดเป็นเงินปันผลทั้งปี 0.28 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันอังคารที่ 22 เมษายน 2568 โดยบริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลเมื่อได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 แล้ว
ที่มา: บีซีพีจี