นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รองประธานกรรมการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) หรือ SPC ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกคนกล่าวถึง สหพัฒนพิบูล หรือ SPC และเครือสหพัฒน์ ในทางบวก โดยเฉพาะการดำเนินการในเรื่องของความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งหลายเรื่องที่ได้ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่แล้ว แต่กฎกติกาต่าง ๆ ทำให้องค์กรต้องหันมาดำเนินการอย่างเป็นระบบมากขึ้น สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ เป้าหมายในเรื่องของความยั่งยืนนั้น จากเดิมที่เป็นการชักชวนกันทำแบบสมัครใจ จะถูกเปลี่ยนมาเป็นกฎระเบียบที่ถูกบังคับใช้มากขึ้นและสิ่งเหล่านี้จะเข้มข้นมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น ESG จะเป็นทั้งความท้าทายและความเสี่ยงสำหรับทุกธุรกิจ และการดำเนินการเพื่อความยั่งยืนนั้นมีต้นทุนสูง แต่หากไม่ดำเนินการเลย สิ่งที่ตามมาคือความเสี่ยงสูงมากในอนาคต และหากดำเนินการอย่างไม่มีแผนที่เป็นระบบ จะตามมาด้วยภาระต้นทุนที่สูงขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านเช่นกัน
เรียกได้ว่า การลงทุนด้านความยั่งยืนนั้น เป็นทั้งความเสี่ยงและขณะเดียวกันจะเป็นโอกาส หากสามารถเกาะติดแนวโน้มผู้บริโภคด้านความยั่งยืนได้ จะนำมาซึ่งการสร้างโอกาสทางธุรกิจเช่นเดียวกัน ทั้งหมดจึงกลับมาที่คณะกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเข้ามาร่วมกำหนดทิศทางในการสร้างโอกาสธุรกิจที่ยั่งยืนร่วมกัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ การมีบทบาทในการกำหนดวิสัยทัศน์และเป้าหมายขององค์กรที่สอดคล้องกับความยั่งยืน เป็นแบบอย่างในการสร้างค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กรให้สอดคล้องกับความยั่งยืน มีการบูรณาการวิสัยทัศน์และค่านิยมนำมาสู่กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจที่เป็นไปด้วยความยั่งยืน มีเป้าหมายระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อให้การดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนนั้นเป็นไปได้ โครงสร้างของคณะกรรมการที่เอื้อต่อการกำกับการดำเนินงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัทฯ นอกจากนี้คณะกรรมการต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน ทราบถึงแนวโน้มปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น มีการประเมินความเข้าใจประสิทธิภาพของตัวกรรมการ กำกับดูแลให้โครงสร้างองค์กรสามารถดำเนินการให้มีความยั่งยืน เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมรับฟังความคิดเห็นและนำความคิดเห็นเหล่านั้นมาประมวลเพื่อจัดลำดับความสำคัญเพื่อความยั่งยืน จัดทำและทบทวนนโยบายต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ทางธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ดูแลให้ฝ่ายบริหารจัดการทรัพยากรให้เพียงพอในการผลักดันการดำเนินงานต่าง ๆ มีเป้าหมาย มีตัวชี้วัด และมีกรอบเวลา และมีการติดตามความก้าวหน้า และสื่อสารเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ให้ผู้มีส่วนได้เสียได้รับทราบความก้าวหน้าต่าง ๆ ต่อไป
ด้านนายอนันตชัย ยูรประถม กรรมการอิสระ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม แต่เดิมที่คุ้นเคยกับคำว่า CSR เป็นการดำเนินการด้วยความสมัครใจ แต่ปัจจุบันการให้ความสำคัญในเรื่องที่เป็นกระแสของ ESG เป็นอีกความท้าทายขององค์กรธุรกิจ ซึ่งสิ่งสำคัญคือคณะกรรมการต้องมีความเข้าใจและมีความตื่นตัวในเรื่องของ ESG และมีบทบาทเป็นผู้นำในการกำกับดูแลติดตาม การรายงาน การใช้ข้อมูล เพื่อการบริหารจัดการความเสี่ยงด้าน ESG (ESG-Related Risk) ให้กับองค์กร เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจ (Opportunities & ESG Strategy) ภายใต้เป้าหมายคือ ทำอย่างไรให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน บนความท้าทายด้าน ESG ที่ได้ถูกกำหนดออกมาเป็นข้อกำหนด กฎหมาย และข้อบังคับ (ESG Legislation) ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (พ.ร.บ. Climate Change) ที่คาดว่าจะสามารถบังคับใช้ภายในปี 2572 ที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CHG) เป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2065 หรือ พ.ศ.2608 รวมถึง ภาษีคาร์บอนของไทย ที่คาดว่าสามารถบังคับใช้อย่างเร็วสุดภายในปีงบประมาณ 2568 เพื่อให้ทันการเก็บค่าธรรมเนียม Carbon Border Adjustment Mechanism CBAM กลไกการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน ในปี 2569
ทั้งนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า องค์กรที่มีการเชื่อมโยงโครงการเข้ากับ ESG ส่งผลให้องค์กรนั้น ๆ มีความเสี่ยงในสภาวะวิกฤติลดลง และมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น 12% ซึ่งการเติบโตไปสู่เป้าหมายอย่างยั่งยืนนั้น เริ่มต้นด้วยการคำนึงถึง 3 วงกลม ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ Economic Prosperity ด้านสังคม Social Responsibility และด้านสิ่งแวดล้อม Environmental Protection ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดเป็น 17 เป้าหมาย Sustainable Development GOAL ซึ่งเป็นเป้าหมายของประชาคมโลก
อย่างไรก็ดี สำหรับหลักปฏิบัติ 8 ข้อสำหรับคณะกรรมการในการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Code : Corporate Governance Code) ที่สามารถนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจ ได้แก่ 1. ตระหนักถึงบทบาทและความรับผิดชอบของคณะกรรมการในฐานะผู้นำองค์กรที่สร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืน 2. กำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายหลักของกิจการที่เป็นไปเพื่อความยั่งยืน 3. เสริมสร้างคณะกรรมการที่มีประสิทธิผล 4. สรรหาและพัฒนาผู้บริหารระดับสูงและการบริหารบุคลากร 5. ส่งเสริมนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ 6. ดูแลให้มีระบบการบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในที่เหมาะสม 7. รักษาความน่าเชื่อถือทางการเงินและการเปิดเผยข้อมูล 8. สนับสนุนการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้ถือหุ้น
ที่มา: อินทิเกรเต็ด คอมมูนิเคชั่น