บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดแผนกลยุทธ์ปี 68 ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 15% เดินหน้าสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจระดับชุมชนในทุกพื้นที่บริการกว่า 8,200 แห่ง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า คำนึงถึงต้นทุนทางการเงินของภาคครัวเรือนอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมกระบวนการปล่อยสินเชื่อที่โปร่งใสครอบคลุมในทุกกลุ่มอาชีพ สนับสนุนกิจการท้องถิ่นเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ รับมือต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายและสามารถไปต่อได้อย่างมั่นคง
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทฯยังคงมุ่งมั่นส่งมอบโอกาสทางการเงินให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง การเข้าถึงแหล่งเงินทุนคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยรวมถึงผู้มีรายได้น้อยสามารถปรับตัวและดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านกระบวนการปล่อยสินเชื่อที่ยืดหยุ่นเข้าถึงได้ง่าย และคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของลูกค้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโตร้อยละ 15 จากปีที่ผ่านมา พร้อมเปิดสาขาใหม่อีก 600 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อขยายการเข้าถึงบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพให้กับทุกกลุ่มธุรกิจและชุมชนในประเทศ
อกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับการบริการและสร้างประสบการณ์ที่เหนือความคาดหมายให้เกิดขึ้นในทุกมิติ สนับสนุนความสามารถในการขยายและรักษาฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืน การพัฒนานี้จะช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายและเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานทั้งในด้านการบริการและการบริหารจัดการภายในองค์กร ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนของกิจการและเพิ่มความสามารถในการสร้างกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง
แนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปีนี้มีโอกาสปรับตัวลดลง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ไม่เกินร้อยละ 2.70 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยได้รับผลจากมาตรการ "คุณสู้-เราช่วย" ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เพิ่มความยืดหยุ่นและสนับสนุนให้ลูกหนี้สามารถฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและคำนึงถึงต้นทุนทางการเงินของลูกค้าอย่างเป็นธรรม จะทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ตรงตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างแท้จริง ช่วยลดความเสี่ยงจากหนี้เสียและสร้างความเข้มแข็งในเชิงโครงสร้างของลูกหนี้ ส่งผลต่อรากฐานความยั่งยืนในระบบการเงินและเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รวมถึงการเติบโตที่มั่นคงสำหรับทุกภาคส่วนในอนาคต
ในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนขยายพันธมิตรทางการเงินทั้งในประเทศและระดับโลก เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนคุณภาพและมอบโอกาสทางการเงินที่เท่าเทียมแก่ทุกภาคส่วนในสังคม โดยการขยายพันธมิตรนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่น และเสริมความสามารถในการรับมือกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และสร้างความมั่นคงให้กับชุมชนทั่วประเทศ
บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ได้รับการยอมรับในความมุ่งมั่นที่สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน โดยบริษัทฯ ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการในระดับ "ดีเลิศ" (5 ดาว) ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 และยังได้รับผลประเมิน "หุ้นยั่งยืน" ( SET ESG Ratings) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 6 ปีซ้อน โดยสามารถคว้าอันดับสูงสุด AAA ประจำปี 2024 และผลการประเมินจาก MSCI Index ในระดับ AA นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับสากล (Global Credit Rating) อยู่ที่ "Fitch BB" และอันดับความน่าเชื่อถือภายในประเทศ (Local Credit Rating) อยู่ที่ "Fitch A- (Tha)" สะท้อนความเป็นผู้นำในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์มาตรฐานระดับโลก (World-class Thai Microfinance) ยืนยันถึงความสามารถในการขยายตัวสู่ระดับสากลและความไว้วางใจจากพันธมิตรทางการเงินทั่วโลก เช่น องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA), รัฐบาลเยอรมนี (KfW DEG) และบรรษัทการเงินระหว่างประเทศ (IFC) ภายใต้กลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group) อีกทั้ง MTC ยังเป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (NBFI) รายแรกของประเทศไทยที่ได้ออกหุ้นกู้เพื่อสังคม (Social Bond) มูลค่า 335 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งได้รับการเสนอขายแก่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศทั้งหมด
เมืองไทย แคปปิตอล ยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินกิจการภายใต้หลักธรรมาภิบาล รักษาเสถียรภาพทางการเงินให้กับท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม สนับสนุนเติบโตทางเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของสังคม พร้อมสร้างผลกระทบทางบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวให้กับประเทศไทยและทั่วโลก
ที่มา: เมืองไทย แคปปิตอล