นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและ IoT (Internet of Things) เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2567 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 27,002 ล้านบาท ปรับตัวลดลงราว 11% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่นับว่าดีกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่หดตัวถึง 20% จากแรงกดดันที่ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ขณะที่กำไรสุทธิลดลงจากปีก่อนอยู่ที่ 747 ล้านบาท ผลจากการขาดทุนในประเทศโปรตุเกส ซึ่งเกิดจากผลกระทบทางบัญชีจาก Inventory reduction และการตัดบัญชีสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax Asset Write-off) อย่างไรก็ตาม การขาดทุนดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One-time Event) และจะไม่กระทบต่อแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในอนาคตอย่างแน่นอน
นายเย็บ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้กำไรสุทธิโดยรวมลดลง แต่ AH ยังคงเติบโตได้จากกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงผ่านธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในประเทศมาเลเซียที่เติบโตสูงถึง 8.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ในมาเลเซียที่ AH เข้าซื้อกิจการ สามารถขยายตัวได้ถึง 218.7% ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนหลัก อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรสุทธิยังคงอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้
ขณะที่สถานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถลดหนี้สินรวมลง 12.8% และบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง 11.2% ในขณะเดียวกัน อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/Equity) คงที่ที่ระดับ 0.5 เท่า สะท้อนถึงการบริหารสภาพคล่องและความสามารถในการรองรับการเติบโตของธุรกิจ
ทั้งนี้ ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีก 0.48 บาทต่อหุ้น รวมทั้งปี 2567 จ่ายเงินปันผลรวม 0.78 บาทต่อหุ้น คิดเป็นวงเงินรวมประมาณ 265 ล้านบาท หรือราว 36.3% ของกำไรสุทธิ ซึ่งสูงกว่านโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ 30% ของกำไรสุทธิ โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 14 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการบริหารจัดการทางการเงินที่ให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น
"แม้สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกจะยังมีความไม่แน่นอนจากภาวะการค้าโลกและสถานการณ์สงครามการค้า AH ยังคงมั่นใจในศักยภาพการเติบโตระยะกลาง บริษัทมองว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์จะเริ่มเห็นผลในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทในอนาคต" นายเย็บกล่าว
นายเย็บกล่าวทิ้งท้ายว่า AH ยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ รองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ควบคู่กับการลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยเตรียมใช้เงินสดที่มีอยู่เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจและกระจายการลงทุนให้สอดคล้องกับแนวทางเติบโตระยะยาว ด้วยแนวทางดังกล่าว จึงเชื่อมั่นว่า บริษัทจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น พร้อมเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในไทยและต่างประเทศ
ที่มา: บียอร์นไออาร์