นายพิชัย กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมาไทยได้รับการปรับอันดับของดัชนีนวัตกรรมโลก (Global Innovation Index: GII) ที่ดีขึ้น อยู่ในลำดับที่ 41 โดยรายงาน GII ถือเป็นรายงานระดับโลกที่สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพด้านนวัตกรรมของแต่ละประเทศ และการร่วมมือกับ WIPO จะส่งผลให้ไทยสามารถบูรณาการด้านข้อมูล วิเคราะห์และวางแผนกลยุทธ์ รวมทั้งกำหนดนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาระดับประเทศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ และยกระดับอันดับดัชนีนวัตกรรมโลก ของไทยให้สูงขึ้นได้
นอกจากนี้ ยังได้หารือแนวทางความร่วมมือกับ WIPO ในการประเมินระบบนิเวศของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อวิเคราะห์ศักยภาพและขีดความสามารถ รวมถึงแนวทางการพัฒนานโยบายทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับ AI และเทคโนโลยีเกิดใหม่ โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์
"ดีใจที่ได้มาทำงานร่วมกับ WIPO เพราะเป็นองค์กรที่มีความสำคัญมากกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และเรื่องของทรัพย์สินทางปัญญาจะยิ่งมีความสำคัญเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ เนื่องจากไทยจะมีการลงทุนเข้ามามากในเรื่องของ Data Center และ AI ทาง WIPO จะช่วยสนับสนุนข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางของนโยบายด้านทรัพย์สินทางปัญญาและ AI ในระดับสากล และการใช้ AI กับอุตสาหกรรมการเกษตรก็จะเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคการเกษตรไทยให้สูงขึ้น" นายพิชัย กล่าว
นายพิชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับ WIPO วิเคราะห์ปัจจัยที่จะช่วยส่งเสริมอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกของไทยให้สูงขึ้น สร้างความร่วมมือด้านซอฟพาวเวอร์ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ รวมถึงบูรณาการข้อมูลพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมและทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนด้วยทรัพย์สินทางปัญญา และเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนต่อไปในอนาคต
ที่มา: กรมทรัพย์สินทางปัญญา