นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรมที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม (Specialty and High Performance Adhesive) เพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง รายได้รวมอยู่ที่ 2,147.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.7% จากปีก่อนหน้า โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ และการฟื้นตัวของธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและฉลากที่มีกาวในตัว กำไรขั้นต้น พุ่งขึ้น 24.3% อยู่ที่ 641.89 ล้านบาท ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 30.1% จาก 27.2% EBITDA แตะ 367.52 ล้านบาท โตขึ้น 30.9 % และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 127.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 59.2%
สำหรับภาพรวมไตรมาส 4/2567 บริษัทฯ มีรายได้รวม อยู่ที่ 556.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% จากไตรมาสก่อน และ 8.0% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมีกำไรสุทธิ 33.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60.1% จากไตรมาสก่อน และ 1.2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมียอดขายที่เพิ่มขึ้น อีกส่วนหนึ่งมาจากการที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่เพิ่มช่องทางการขายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้มากยิ่งขึ้น
โดยโครงสร้างการดำเนินงานสามารถแยกตามกลุ่มธุรกิจ (Segment Reporting) ได้ดังนี้ 1.ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กาว Solvent, ผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt, ผลิตภัณฑ์กาว Water Based มีสัดส่วนอยู่ที่ 27% 2.ธุรกิจสติ๊กเกอร์ หรือฉลากที่มีกาวในตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์กระดาษ, ผลิตภัณฑ์ฟิล์ม, ผลิตภัณฑ์ฉลาก (พิเศษ) มีสัดส่วนอยู่ที่ 40% และ 3.ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บรรเทาปวด, ผลิตภัณฑ์ปฐมพยาบาล มีสัดส่วนอยู่ที่ 33% ซึ่งจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศในปี 67
สำหรับปี 68 บริษัทฯ จะเดินหน้าทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจแบบเต็มสูบ ให้สามารถสร้างรายได้และรักษาการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว จากการที่ SELIC มีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งแบบ B2B และ B2C รวมถึงสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วนที่พอเหมาะ ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนได้อย่างเหมาะสม สามารถสร้างยอดขายที่เติบโตเพิ่มขึ้น ผ่านผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ซึ่งจะเห็นได้ว่าบริษัทฯ สามารถเพิ่ม EBITDA และกำไรสุทธิได้ดีในปี 2567 จากทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ยังคงมีดีมานด์สูงทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าธุรกิจกาวอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบจากการขายที่ลดลงในตลาดต่างประเทศบางตลาด และภาพรวมการส่งออกสินค้าของธุรกิจสติ๊กเกอร์ชะลอตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของตลาดต่างประเทศ บริษัทฯ มั่นใจว่า จะบริหารจัดการอย่างรัดกุม และคาดว่าทิศทางจะปรับตัวดีขึ้นในปีนี้
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ยังมีมติพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรและจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานปี 2567 ให้กับผู้ถือหุ้น โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.038 รวมเป็นจำนวนเงิน 23,217,026.25 บาท หรือคิดเป็น 40.15% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท ซึ่งได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) วันที่ 8 พฤษภาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 ทั้งนี้สิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นก่อน
"SELIC ยังคงเดินหน้าธุรกิจด้วยความแข็งแกร่ง ทั้ง 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ที่ยังมีดีมานด์และโอกาสจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีสัญญาณการขยายตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และได้รับสัญญาณการส่งออกที่ดีขึ้น บริษัทฯ จึงเชื่อมั่นว่าด้วยแนวโน้มของธุรกิจกาวอุตสาหกรรมและธุรกิจสติ๊กเกอร์ที่กำลังฟื้นตัวในปีนี้ ขณะที่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพยังคงสดใส มุ่งมั่นเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ จะสนับสนุนรายได้ทั้งปี 68 ให้เติบโต ต่อไปอย่างแข็งแกร่ง" นายณรงค์ กล่าวทิ้งท้าย
ที่มา: IR PLUS