ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายด้านคุณภาพอากาศทุกปี โดยเฉพาะปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาจากไอเสียรถยนต์และภาคอุตสาหกรรม องค์กรพิทักษ์สัตว์สากล ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล (Sinergia Animal) ได้ชี้ให้เห็นถึงโอกาสในการปรับปรุง โดยการพิจารณาอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งภาคส่วนที่มีความสำคัญในการช่วยกันแก้ไขปัญหาและร่วมสร้างอากาศสะอาดเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนสำหรับประเทศไทย
ลด PM 2.5 จากภาคปศุสัตว์ เพื่ออากาศสะอาดและปลอดภัยจากโรคร้าย
ภาคปศุสัตว์มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่มีส่วนสำคัญในการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน เราสามารถร่วมมือกันเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ โดยการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 14.5% ของการปล่อยก๊าซทั่วโลก นอกจากนี้ เราสามารถลดการทำเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวเพื่อผลิตอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพดและถั่วเหลือง และส่งเสริมการทำเกษตรกรรมยั่งยืนแทน เพื่อลดการเผาพืชทางการเกษตรและมลพิษที่ตามมา
โรงปศุสัตว์ขนาดใหญ่ มิได้เป็นเพียงแหล่งผลิตอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งกำเนิดแอมโมเนียในปริมาณมหาศาล[1] ซึ่งเป็นสารตั้งต้นสำคัญของการก่อตัวของฝุ่น PM 2.5 นอกจากนี้ วิถีการเกษตรแบบดั้งเดิมที่ยังคงปฏิบัติกันอย่างแพร่หลาย เช่น การเผาตอซังพืช และการไถพรวนดิน ก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ปลดปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็กสู่ชั้นบรรยากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้[2]รายงานจากสหภาพยุโรป (EU) ได้ชี้ให้เห็นว่า ภาคการเกษตรมีส่วนในการสร้างฝุ่น PM 2.5 ถึงประมาณ 5% และฝุ่น PM10 สูงถึง 25%[3] ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่อาจมองข้าม อย่างไรก็ตาม โรงปศุสัตว์ขนาดใหญ่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นแหล่งผลิตอาหารที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการจัดการแอมโมเนียอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การส่งเสริมวิถีการเกษตรที่ยั่งยืน เช่น การใช้เทคโนโลยีชีวภาพแทนลดการเผาตอซังพืชและการไถพรวนดิน จะช่วยลดการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็กสู่ชั้นบรรยากาศได้ ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะร่วมมือกันเพื่อสร้างอากาศสะอาดและอนาคตที่ยั่งยืน
"ปริมาณความต้องการอาหารปศุสัตว์ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งความท้าทายในการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเกษตรเชิงเดี่ยวขนาดใหญ่เพื่อผลิตอาหารสัตว์ ซึ่งนำไปสู่การเผาพืชทางการเกษตรในบางฤดูกาล และกลายเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้[4] อย่างไรก็ตาม เรามีโอกาสที่จะร่วมมือกันเพื่อลดผลกระทบเหล่านี้ โดยการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ซึ่งจะช่วยแก้ไขวิกฤตมลพิษทางอากาศและสร้างอากาศที่สะอาดขึ้นสำหรับประเทศไทย" คุณศนีกานต์ รศมนตรี ผู้อำนวยการ ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ประเทศไทย กล่าว
แม้รัฐบาลไทยได้แสดงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ผ่านนโยบายและมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหามลพิษจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องปรับปรุงและแก้ไขโดยเร็วที่สุด หากทุกภาคส่วนตระหนักและเสริมสร้างความร่วมมือในการจัดการปัญหาผลกระทบจากอุตสาหกรรมปศุสัตว์นี้ เราจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด อันเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร[5] และสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อการปรับปรุงร่วมกัน
เพื่อสร้างอากาศที่สะอาดและยั่งยืน ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ขอเสนอแนวทางการทำงานร่วมกับภาครัฐ โดยสนับสนุนให้มีนโยบายส่งเสริมการทำเกษตรกรรมแบบยั่งยืน ลดการทำเกษตรเชิงเดี่ยว และการบริโภคอาหารที่มีพืชเป็นหลัก (Plant-Based) พร้อมทั้งมีการกำหนดมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง เพื่อลดการเผาพืชทางการเกษตรและลดความต้องการอาหารสัตว์ ซึ่งจะช่วยลดการปล่อย PM 2.5 ต้นเหตุของมลพิษในอากาศ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพของประชาชน
"เราเชื่อมั่นว่า การร่วมมือกันระหว่างผู้กำหนดนโยบายและทุกภาคส่วน จะนำไปสู่การสร้างสรรค์แนวทางที่ยั่งยืนในการจัดการปัญหาการเผาพืชทางการเกษตร ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอาหารจากพืชให้เป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน การให้ความสำคัญกับการจัดการที่ต้นเหตุ จะช่วยให้เราสามารถดูแลสุขภาพของประชาชนและรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน" คุณศนีกานต์กล่าวเสริม
พลังแห่งความร่วมมือเพื่ออนาคตที่สะอาดสดใส
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ เพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน เป็นเป้าหมายที่เราทุกคนสามารถร่วมมือกันได้ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน หรือประชาชนทุกคน การเลือกบริโภคอาหารจากพืช การสนับสนุนเกษตรกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการส่งเสริมการพัฒนานโยบายด้านเกษตรกรรมและพลังงานอย่างสร้างสรรค์ ล้วนเป็นพลังสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ซิเนอร์เจีย แอนนิมอล ขอเสนอแนะภาครัฐ ร่วมกันสร้างสรรค์นโยบายที่ส่งเสริมการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน รวมถึงมีการกำหนดมาตรการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาการเผาพืชทางการเกษตร และสนับสนุนระบบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษา สถานพยาบาล และหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ
เราเชื่อมั่นว่า หากประเทศไทยมีความมุ่งมั่นและร่วมมือกันสร้างสรรค์นโยบายที่ลดผลกระทบจากภาคเกษตรกรรม และส่งเสริมอาหารที่ยั่งยืน เราจะสามารถสร้างอากาศที่บริสุทธิ์และสุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้นให้กับทุกคนในสังคมได้
ที่มา: PNK Communications