กรมอนามัย เตือน สารเสพติดในนมแม่เป็นอันตรายต่อทารก แนะหญิงตั้งครรภ์ที่ติดยาต้องรับการรักษาด่วน

แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือเด็กอายุ 3 เดือน ที่พบว่าแม่ติดสารเสพติด กรมอนามัยมีความห่วงใย เพราะสารเสพติดดังกล่าวจะถ่ายทอดไปยังลูกจากการให้นม ซึ่งถือว่าอันตรายต่อพัฒนาการการเจริญเติบทั้งทางร่างกาย และสมองของลูกน้อย ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติเกี่ยวกับจำนวนหญิงตั้งครรภ์ที่ใช้สารเสพติดในประเทศไทยจะมีจำกัด แต่มีรายงานว่าการใช้สารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อทารกแรกเกิด ทั้งในช่วงตั้งครรภ์ คือ 1) มีความพิการแต่กำเนิด ร้อยละ 3-5 2) คลอดก่อนกำหนด 3) ภาวะครรภ์เป็นพิษ / ตกเลือดหลังคลอด 4) ภาวะแท้ง และช่วงหลังคลอด ยังพบ สารเสพติดผ่านน้ำนมถึงลูก ส่งผลถึงพัฒนาการและความเฉลียวฉลาดของเด็ก เด็กตัวเล็กและน้ำหนักตัวน้อย จากปัญหาดังกล่าวเป็นประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูกน้อย กรมอนามัยยังคงย้ำถึงการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมสุขภาพและพัฒนาการของเด็ก และสังคมควรได้รับให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงแก้ไขความเชื่อผิดๆ ที่ว่าในหญิงตั้งครรภ์ในการใช้ยาเสพติดจะทำให้คลอดลูกได้ง่ายขึ้น นั้นไม่ใช่เรื่องจริง สำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ติดยาแนะควรหยุดเสพ และเข้ารับการรักษาหรือบำบัดโดยทันที เพื่อความปลอดภัยของแม่และลูก

นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ กล่าวว่า กรมอนามัย ได้มีการให้ข้อมูลเพื่อสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ผ่านช่องทางต่างๆ ให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง ดังนี้ 1) ยืนยันประโยชน์ของนมแม่ นมแม่เป็นแหล่งสารอาหารที่ครบถ้วนและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับทารก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคเรื้อรังในอนาคต 2) ให้ความรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของสารเสพติด ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์และมารดาที่ให้นมบุตร เช่น การเจริญเติบโตช้า คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อย และอาการถอนยาในทารก 3) ส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพ สนับสนุนให้หญิงตั้งครรภ์เข้ารับการฝากครรภ์และรับคำปรึกษาจากบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

"ทั้งนี้ กรมอนามัยได้เน้นการป้องกัน การให้ความรู้ และการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายการส่งเสริมและป้องกันการใช้สารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์ 1) พัฒนาระบบคัดกรองและเฝ้าระวัง จัดทำระบบคัดกรองสารเสพติดในหญิงตั้งครรภ์ เพื่อให้สามารถตรวจพบและให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที 2) จัดตั้งโปรแกรมบำบัดและฟื้นฟู จัดหาโปรแกรมบำบัดรักษาและฟื้นฟูสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ใช้สารเสพติด เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสมและลดผลกระทบต่อทารก 3) ให้การศึกษาและสนับสนุนทางสังคม จัดทำโครงการให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของสารเสพติดและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในชุมชน ที่สำคัญเครือข่ายคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ควรเป็นกลไกสำคัญช่วยให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้เรื่องยาเสพติด จะช่วยในหญิงตั้งครรภ์และลูกน้อยห่างไกลจากยาเสพติด" ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมสุขภาพ กล่าว

ที่มา: กรมอนามัย