XO เดินหน้าซอสส่งออกปี 68 เจาะทวีปยุโรป โฟกัสตลาดมาร์จิ้นสูง ด้านไลน์การผลิตใหม่คาดเดินเครื่องเม.ย.นี้

อังคาร ๑๑ มีนาคม ๒๕๖๘ ๑๕:๕๒
"บมจ.เอ็กโซติก ฟู้ด หรือ XO" ย้ำศักยภาพการเติบโตในปี 68 ไม่ต่ำกว่าปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% จากปี 67 ทำได้ 47.85% สูงกว่าเป้า รับอานิสงส์ต้นทุนวัตถุดิบลด-บาทอ่อน พร้อมโฟกัสลูกค้าหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นที่ยังโตดี และมีมาร์จิ้นสูงกว่าตลาดสหรัฐ เผยแผนเดินเครื่องไลน์ผลิตใหม่เมษายนนี้ รองรับยอดขายได้ 1,000 ล้านบาทต่อปี หนุนแผนบุกตลาดส่งออกเต็มสูบ โฟกัสตลาดที่ทำอัตรากำไรดีต่อเนื่อง
XO เดินหน้าซอสส่งออกปี 68 เจาะทวีปยุโรป โฟกัสตลาดมาร์จิ้นสูง ด้านไลน์การผลิตใหม่คาดเดินเครื่องเม.ย.นี้

นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กโซติก ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ผู้นำธุรกิจผลิตและส่งออกซอสพริกศรีราชาอันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 68 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 67 ที่ผ่านมา ส่วนตัวเลขการเติบโตที่ชัดเจน บริษัทรอพิจารณาหลังงบไตรมาส 2/68 ออกมาก่อน เพื่อจะได้ทราบทิศทางหรือเทรนด์ในช่วงครึ่งปีหลัง และตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 45% วางกลยุทธ์ขยายตลาดในประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะยุโรป ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัทที่ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง รวมทั้ง การฟื้นตัวของยอดขายในตลาดสหรัฐ คาดจะปรับตัวดีขึ้น จากปีที่ผ่านมายอดขายในตลาดสหรัฐปรับตัวลดลง เนื่องจากการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้นและภาวะสินค้าล้นสต๊อก (Over Stock)

ในด้านกลยุทธ์การเติบโตปี 68 บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปกว่า 70 ประเทศทั่วโลก และยังคงขยายตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติมากกว่า 24 งานต่อปี โดยยังคงเน้นตลาดหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ ต่อเนื่อง โฟกัสกลุ่มทวีปที่สามารถทำอัตรากำไรได้ในระดับสูง ขณะที่ตลาดแคนาดาเริ่มมีออเดอร์เข้ามา อย่างไรก็ดี บริษัทได้รับอานิสงส์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงโดยเซ็นสัญญาซื้อพริกและน้ำตาลล่วงหน้าในราคาที่เอื้อต่อการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้านความคืบหน้าไลน์การผลิตใหม่ 1 ไลน์ ที่โรงงานเดิมที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ งบลงทุน 200 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในช่วงของการทดสอบระบบ (Test run) และคาดว่าจะเริ่มผลิตสินค้าส่งออกได้ในเดือนเม.ย. ปี 68 นี้ โดยไลน์การผลิตใหม่จะสามารถสร้างยอดขายได้ราว 1,000 ล้านบาทต่อปี ขณะที่แผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่เลื่อนออกไปคาดจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 68 นี้ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างไม่เกิน 18 เดือน เพื่อขยายตลาดซอสส่งออกไปยังตลาดที่เป็นโอกาสต่อเนื่อง รับทิศทางอาหารไทย Kitchen of the world

ทั้งนี้ ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2567 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของ XO ยังคงเป็นกลุ่มซอสปรุงรสและน้ำจิ้ม คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 89.9% ของยอดขายบริษัท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูงที่สุด ในด้านการใช้อัตรากำลังการผลิต (Utilization Rate) ทำได้แตะระดับ 87.8%

มีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มหลักอยู่ในทวีปยุโรป 78.8% เติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมา รวมทั้ง ทวีปเอเชีย 7.2% และทวีปอเมริกาสัดส่วนลดลงอยู่ที่ 4.7% ของยอดขาย ซึ่งเป็นการปรับลดลงตามกลยุทธ์ที่วางไว้

ทั้งนี้ ในปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายสินค้า จำนวน 2,478.91 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 42.18 ล้านบาท คิดเป็น 1.67% โดยรายได้ปรับลดลงเล็กน้อย ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าในปี 67 ทำได้ 47.85% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าเท่ากับ 46.76% โดยสาเหตุหลักมาจากการขยายตัวของตลาดหลักในทวีปยุโรปและทวีปอื่นๆ ต่อเนื่อง ขณะที่ สัดส่วนการขายสินค้าไปยังทวีปอเมริกาซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าการขายไปยังทวีปยุโรปลดลง และการอ่อนค่าของสกุลเงินบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิในปี 67 เท่ากับ 790.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.73 จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักเนื่องจากการลดลงของผลขาดทุนอื่น และการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น

"แม้ว่ารายได้รวมและปริมาณการขายจะลดลงจาก 28,301 ตัน ในปี 66 เหลือ 25,511 ตัน ในปี 67 หรือลดลง 9.86% มาจากสัดส่วนการขายสินค้าไปยังทวีปอเมริกา แต่บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้ดี ทำให้กำไรขั้นต้นยังคงเติบโตอยู่ที่ 47.85% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 45% ในด้านอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยอยู่ที่ 37.75 บาท/USD เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วอยู่ที่ 37.20 บาท/USD" นายจิตติพร กล่าว

นายจิตติพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับประเด็นที่นักลงทุนสงสัย เกี่ยวกับวิธีการจ่ายปันผลที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากบริษัทมี BOI ที่บัตรหมดอายุในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี จึงต้องจ่ายปันผลระหว่างกาลออกมาก่อน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นไม่ต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ส่งผลให้ XO มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 2 ครั้ง จากกำไรสะสมและผลการดำเนินงานประจำปี 67 จากกิจการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน รวมในอัตราหุ้นละ 2.088 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 894.22 ล้านบาท ซึ่งเมื่อพิจารณาผลประกอบการของปี 67 กำไรสะสม และอัตราการจ่ายเงินปันผลดังกล่าวรวมกัน ถึงนโยบายการจ่ายเงินปันผลของบริษัทแล้ว

ส่วนประเด็นการขายหุ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 68 ที่ผ่านมา คิดเป็น 1.2066% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ โดยจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย คิดเป็น 8.8263% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้ถูกบังคับขาย แต่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน เนื่องจากมีความสนใจอยากซื้อที่ดินแปลงหนึ่ง และไม่กระทบต่อการบริหารงาน

ที่มา: IR PLUS

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๐:๐๐ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมพร้อมจัดงานไหว้ครูมวยไทยโลก ครั้งที่ 17 ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาหนึ่งใน Grand Festivity เสริมพลัง Soft Power
๑๐:๐๐ Doechii จากแรปเปอร์สาวสุดเท่ สู่ IT Girl สุดแซ่บ ซูเปอร์สตาร์สายฮิปฮอปคนล่าสุด เสิร์ฟความปังทุกด้าน ทั้งงานเพลง แฟชั่น บิวตี้
๑๐:๔๓ อินเทลเลียนเสริมทัพสถานีลูกข่ายแบบแบนเรียบครบไลน์ โดยเปิดตัวชุดแผงสำหรับองค์กรบนเครือข่าย OneWeb LEO ของยูเทลแซท
๐๙:๐๐ Ariana Grande เตรียมเสิร์ฟ eternal sunshine deluxe: brighter days ahead วันที่ 28 มี.ค. นี้ ฉลองครบรอบ 1 ปีอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปีที่แฟนๆ
๐๙:๓๓ กรุงศรี ฟินโนเวต เตรียมพร้อมสู่เป้าหมายการเป็น Global Venture Capital เดินหน้าดันสตาร์ตอัปโตต่อในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งแกร่ง
๐๙:๓๕ อาดิดาส และ เบเบ้ ชวนสายฟิตมาสนิทกับร่างกาย ในคลาสออกกำลังกาย OPTIME WITH BEBE ณ One Bangkok Park
๐๙:๔๕ เนสท์เล่ ประเทศไทย ประกาศความคืบหน้าด้านความยั่งยืนปี 2025 มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 พร้อมเปิดตัวแคมเปญ เล็กน้อยเปลี่ยนโลกได้
๐๙:๕๐ More Women More Innovation!! เอ็นไอเอชวนส่องพลังสตรีผู้ทะยานสู่วงการเอไอ พร้อมเจาะเหตุผล ทำไมต้องเติมช่องว่างผู้หญิงในวงการนวัตกรรม
๐๙:๒๓ Tinder เผย 5 เทรนด์การออกเดทของผู้หญิงโสด พร้อมเจาะลึกมุมมองผู้หญิงไทยผ่านผลสำรวจการเดทยุคใหม่ในประเทศไทย
๐๙:๒๑ เฟล็กซ์ซี่-แพค ประกาศเพิ่มเครื่องจักร ยกระดับกำลังการผลิตตอบโจทย์ทุกธุรกิจด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์แพ็กเกจจิ้งคุณภาพสูงครบวงจร