ขณะเดียวกันได้ประสานความร่วมมือขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการตาม "ยุทธการปราบไขมันอุดตันป้องกันน้ำท่วม" ของ กทม. ซึ่งมีความคืบหน้าหลายด้าน โดยเฉพาะการบังคับใช้มาตรการเชิงรุก เพื่อให้คำแนะนำแก่สถานประกอบการ ร้านอาหาร ร้านค้า และร้านจำหน่ายอาหารริมทาง (Street Food) ในการปฏิบัติตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2565 ซึ่งกำหนดให้ติดตั้งถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมัน รวมถึงการบำบัดด้วยวิธีอื่นก่อนที่จะปล่อยน้ำทิ้งออกสู่ระบบระบายน้ำ และห้ามไม่ให้ทิ้งขยะ หรือเศษอาหารลงในท่อระบายน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมทั้งติดตามตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการ โดยกำหนดแนวทางการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่ฝ่าฝืน โดยจะตรวจสอบการติดตั้งถังดักไขมัน หรือบ่อดักไขมันในสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องและการบำบัดน้ำทิ้งก่อนปล่อยสู่ระบบระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในกรุงเทพฯ รวมทั้งบังคับใช้กฎหมายและให้คำแนะนำที่ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่เกิดจากไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำ และส่งเสริมการปฏิบัติที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนและพื้นที่เมืองโดยรวม
นางภาวิณี รุ่งทนต์กิจ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักอนามัย (สนอ.) กทม. กล่าวว่า สนอ. ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ กท 0714/2023 ลงวันที่ 27 ก.พ. 68 ถึงผู้อำนวยการเขต เพื่อแจ้งแนวทางการควบคุม กำกับ ดูแลสถานประกอบการจำหน่ายอาหารในพื้นที่กรุงเทพฯ และขอความร่วมมือสำนักงานเขตเร่งรัดดำเนินการในด้านต่าง ๆ ประกอบด้วย การตรวจสอบสุขลักษณะและการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารในพื้นที่เป้าหมายไม่น้อยกว่า 100 แห่ง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 3 มี.ค. 68 และให้แล้วเสร็จวันที่ 31 มี.ค. 68 พร้อมควบคุมกำกับให้ปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด หากพบการฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด ซึ่ง สนอ. ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่สนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานเขต 6 กลุ่มเขต เพื่อร่วมดำเนินการดังกล่าว และให้รายงานผลการดำเนินการให้ สนอ. รับทราบผ่านทาง Google Sheet พร้อมภาพถ่ายประกอบเป็นประจำทุกวัน เพื่อรวบรวมข้อมูลและสรุปผลนำเรียนผู้บริหาร กทม. ต่อไป
นอกจากนี้ สำนักงานเขตทั้ง 50 เขต ได้จัดทำแผนตรวจบ่อดักไขมันในสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารในเดือน มี.ค. 68 จำนวน 5,217 แห่ง จากการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการ ระหว่างวันที่ 3 - 6 มี.ค. 68 พบว่าขณะนี้ ได้ตรวจสอบไปแล้ว 1,009 แห่ง ผ่านเกณฑ์ 913 แห่ง ไม่ผ่านเกณฑ์ 96 แห่ง สำนักงานเขตได้ออกแบบตรวจแนะนำ (นส.1) ให้ผู้ประกอบการปรับปรุงแก้ไขทั้ง 96 แห่ง และจะกำกับติดตามการปรับปรุงแก้ไขดังกล่าวต่อไป พร้อมทั้งจัดทีมสนับสนุนการปฏิบัติงานของสำนักงานเขตทั้ง 6 กลุ่มเขต โดยให้คำแนะนำทางวิชาการและการบังคับใช้กฎหมาย และร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบการร่วมกับสำนักงานเขต โดยเน้นลงในพื้นที่ที่มีปัญหามากและมีความเร่งด่วน ทั้งนี้ ผู้บริหาร กทม. ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตขยายผลการดำเนินงานให้ครอบคลุมสถานประกอบการที่มีการจำหน่ายอาหารกว่า 18,000 แห่ง และเร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน พ.ค. นี้ เพื่อลดการอุดตันของท่อระบายน้ำก่อนที่จะเข้าฤดูฝน ช่วยแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ โดย สนอ. จะประสานสำนักงานเขตให้การสนับสนุนและติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิดต่อไป
นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม (สสล.) กล่าวว่า สสล. ให้บริการเก็บขนและกำจัดไขมัน เพื่อนำไปจัดการอย่างถูกสุขลักษณะ ป้องกันปัญหาไขมันอุดตันในท่อระบายน้ำ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการทิ้งและกำจัดไขมันไม่ถูกวิธี โดยผู้ประกอบการที่เป็นแหล่งกำเนิดไขมัน เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ตลาด และร้านอาหาร เป็นต้น สามารถขอรับบริการสูบสิ่งปฏิกูลประเภทไขมันได้ที่ฝ่ายรักษาความสะอาดและสวนสาธารณะ สำนักงานเขตพื้นที่ 50 เขต พร้อมชำระค่าธรรมเนียมตามข้อบัญญัติ กทม. เรื่อง ค่าธรรมเนียมการเก็บและขนสิ่งปฏิกูล หรือมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2546 ในอัตราลูกบาศก์เมตรละ 250 บาท ส่วนไขมันที่เก็บรวบรวมได้ กทม. จะนำไปกำจัดและบำบัด ณ โรงงานกำจัดไขมันและแปรรูปไขมันอ่อนนุชและหนองแขม ทั้งนี้ หากพบเห็นการทิ้งไขมัน น้ำเสีย ขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลลงในท่อระบายน้ำ หรือแม่น้ำคูคลองในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน Traffy Fondue หรือสำนักงานเขตพื้นที่ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: กรุงเทพมหานคร