กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม MOU โครงการ Family Business Thailand

จันทร์ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๘ ๑๐:๓๕
4 เสาหลักองค์กรธุรกิจ "กรมพัฒนาธุรกิจการค้า - สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย - มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย - ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" ร่วมกันสร้างพลังผนึก (Synergy) ต่อยอดความสำเร็จ ภายใต้โครงการ Family Business Thailand ให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยเป้าหมายสู่การสร้าง "ธรรมนูญครอบครัวแห่งชาติ" ให้กับธุรกิจครอบครัวไทย และการจัดอบรมให้ความรู้ รุ่นที่ 4 ในวันที่ 23 เม.ย.นี้ที่จ. สุราษฎร์ธานี
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมลงนาม MOU โครงการ Family Business Thailand

Family Business Thailand สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง โดยในปีนี้ โครงการฯ ได้รับเกียรติจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าร่วมสนับสนุน ในฐานะหนึ่งในสี่พันธมิตรหลักที่สำคัญ เพื่อร่วมสนับสนุนด้านองค์ความรู้และแนวทางพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเชื่อมโยงโอกาสสู่ตลาดทุน

ทั้งนี้ นับจากการเริ่มต้นโครงการฯ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 โครงการฯ ได้จัดอบรมให้กับผู้ประกอบการ SMEs มาแล้ว 3 รุ่นที่ กรุงเทพฯ, ชลบุรี และเชียงใหม่ โดยได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในปีนี้ได้จัดการอบรมรุ่นที่ 4 ในวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่โรงแรมแก้วสมุยรีสอร์ท จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ผู้ประกอบการในภาคใต้ได้เข้าร่วมและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยและเป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญ เราจึงได้ริเริ่มโครงการ Family Business Thailand โดยความร่วมมือกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจครอบครัวไทยให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนในหลายมิติ อาทิ การอบรมสัมมนา การเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ และกรณีศึกษาธุรกิจต้นแบบ การจัดทำธรรมนูญครอบครัวเพื่อลดความขัดแย้ง และการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ต้องการพัฒนาการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ

นอกจากนี้ กรมฯ ยังมีแนวทางขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน สถาบันการศึกษาและวิจัย เพื่อพัฒนาหลักสูตรการบริหารธุรกิจครอบครัว รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคเอกชนอื่น ๆ ที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ซึ่งความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวไทยสามารถปรับตัวและเติบโตได้อย่างยั่งยืน"

ขณะที่ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า "แม้ธุรกิจครอบครัวมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจในประเทศไทย และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) คิดเป็น 71.23% ทว่า ในทางปฏิบัติ ธุรกิจครอบครัว ส่วนใหญ่มักมีปัญหาการส่งต่อธุรกิจ โดยมีสาเหตุที่สำคัญจากความไม่เข้าใจของสมาชิกในครอบครัวที่มีช่องว่างระหว่างรุ่น (Generation Gap) กันอยู่มาก ฉะนั้น การมีกลไกหรือวิธีการจัดการ นั่นก็คือการสร้าง "ธรรมนูญครอบครัว" เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน รวมทั้งการจัดตั้ง "สภาครอบครัว" เพื่อเป็นเวทีในการแก้ไขปัญหาก็จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวเติบโตได้อย่างยั่งยืน ดังนั้น โครงการ Family Business Thailand จึงนับ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำความเข้าใจเรื่องการสร้างธรรมนูญครอบครัว อีกทั้งยังสามารถแบ่งปันประสบการณ์จากธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวอื่น ๆ ใช้เป็นกรณีศึกษาได้ อีกทั้งยังจะสามารถต่อยอดสู่เป้าหมายของการพัฒนา "ธรรมนูญแห่งชาติ" ในอนาคตสำหรับธุรกิจครอบครัวในระดับมหภาคอีกด้วย

ในทางปฏิบัติ "คนรุ่นใหญ่" ในธุรกิจครอบครัวเองก็ต้องรับฟัง "คนรุ่นใหม่" ด้วยความเข้าใจ อีกทั้งทำหน้าที่ต้องให้แง่คิด มุมมองต่าง ๆ ที่ดี มิใช่การสั่งเพียงอย่างเดียว เพื่อช่วยประคับประคองและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ดีขึ้น และจะส่งผลให้การสืบทอดหรือการส่งต่อธุรกิจเป็นไปได้อย่างราบรื่น เนื่องจากเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ระยะเวลา ดังนั้น องค์กรธุรกิจ ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักเหล่านี้จึงย่อมจะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัว และทำหน้าที่เป็น "พี่เลี้ยง" ให้กับทุกครอบครัวได้ดำเนินธุรกิจให้เติบโตยิ่ง ๆ ขึ้นไป"

นอกจากนี้ นาย. อัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย องค์กรพันธมิตรใหม่ล่าสุดของปีนี้ได้กล่าวเสริมว่า"การสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจครอบครัวจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ Family Business Thailand ซึ่งมีแนวทางการสนับสนุนในหลายมิติ เช่น การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารและการวางแผนสืบทอดกิจการ การให้คำปรึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ การส่งเสริมหลักธรรมาภิบาลและโครงสร้างธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ การสนับสนุนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวและเศรษฐกิจไทยนั้น

ในส่วนของตลาดหลักทรัพย์ฯ เราได้พัฒนา LiVE Platform ให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถเข้าถึงหลักสูตรเฉพาะด้าน อาทิ การบริหารจัดการภายใน การปรับโครงสร้างธุรกิจ การวางแผนมรดก และการสร้างกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และในวาระครบรอบ 50 ปีของตลาดหลักทรัพย์ฯ เราได้ขยายความร่วมมือด้านงานวิจัยเพื่อสนับสนุนให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญจัดทำงานวิจัยที่เชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวกับตลาดทุนและเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่า ในกลางปี 2568 จะมีผลงานวิจัยที่ช่วยเสริมสร้างแนวทางการพัฒนาให้ธุรกิจครอบครัวไทยเติบโตอย่างมั่นคง ภายใต้ปณิธานของ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มุ่งมั่นร่วมสร้างอนาคต เพื่อโอกาสของทุกคน และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ธุรกิจครอบครัวไทยก้าวสู่ความมั่นคงและยั่งยืน"

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงโครงการฯ นี้ในฐานะของสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจครอบครัวมานับทศวรรษว่า "การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในทุกยุคทุกสมัย ไม่เพียงแต่ต้องอาศัยการกำหนดนโยบาย ของภาครัฐ หากแต่ยังต้องอาศัยพลังขับเคลื่อนจากภาคธุรกิจ ซึ่งในบริบทของประเทศไทยก็เช่นเดียวกับ นานาประเทศ ธุรกิจครอบครัวถือเป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการวางรากฐานอย่างมั่นคงและดำเนินกิจการสืบทอดต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน"

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยตระหนักถึงบทบาทของตนในการช่วยขับเคลื่อน ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้มีศักยภาพมากขึ้น ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการผลิตองค์ความรู้ งานวิจัย และกรณีศึกษาที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ

ในโอกาสนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ผสานความร่วมมือกับ สภาหอการค้าไทย ซึ่งมีเครือข่ายสมาชิกกว่า 200,000 ราย กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีบทบาทในการกำหนดนโยบายและส่งเสริมภาคธุรกิจ และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีธุรกิจครอบครัวจดทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก ความร่วมมือระหว่างทั้งสี่หน่วยงานนี้จึงย่อมจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจครอบครัวไทยในทุกระดับ ตั้งแต่ขนาดเล็ก ขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดใหญ่ อีกทั้งจะสามารถนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืนและสามารถเดินหน้าสู่เป้าหมายของการสร้าง "ธรรมนูญครอบครัวแห่งชาติ" ให้กับธุรกิจครอบครัวไทยในอนาคตอีกด้วย"

ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 02 5475985 หรือสายด่วน 1570

ที่มา: FAMZ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๐๐ กรมอนามัย ลงพื้นที่เยียวยาผู้ประสบภัย เหตุแผ่นดินไหว
๒๘ มี.ค. ดร.ฤกขจี กาญจนพิทักษ์ ได้รับรางวัล Best Women CEO in Strategic Leadership - Healthcare
๒๘ มี.ค. ฉลองสงกรานต์และอีสเตอร์สุดชิคในเดือนเมษายนนี้ที่โรงแรม โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท
๒๘ มี.ค. เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ชวนน้องฉัตร เนรมิตความมั่นใจในคลาสสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ส่งต่อพลัง #EmpowerHER ฉลองเดือนสตรีสากล
๒๘ มี.ค. พาราไดซ์ พาร์ค มุ่งยกระดับประสบการณ์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่จากเดิม สู่การเป็น Health Wellness Destination เติมเต็มทุกความต้องการด้านสุขภาพและทุกไลฟ์สไตล์เพื่อชีวิตที่ดีของทุกคน
๒๘ มี.ค. เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย เยี่ยมชม เลอโนท ประเทศไทย พร้อมร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปสุดพิเศษ ศิลปะการทำเวียนนัวเซอรี่ มาสเตอร์คลาส กับเชฟมิกาแอล
๒๘ มี.ค. คณะการท่องเที่ยวฯ DPU จัดเวทีประชัน HT MAKEUP GRAND COMPETITION 2025 ปี 2 เพื่อเสริมสร้างทักษะด้านการแต่งหน้าเสริมบุคลิกภาพให้นักศึกษา
๒๘ มี.ค. สคล. ผนึกกำลังชุมชน รณรงค์ลด ละ เลิกเหล้า ต่อเนื่อง พุ่งเป้า ป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ มุ่งสร้างสังคมสุขภาวะ
๒๘ มี.ค. NER สานต่อโครงการ NER สนับสนุนวิถีเกษตรยั่งยืน ปี2
๒๘ มี.ค. Readyplanet โชว์ศักยภาพผู้นำด้าน MarTech และ CRM Platform ในงาน MARTECH EXPO 2025