สายัณห์ ทัศนโกศล ผู้อำนวยการส่วนออกแบบระบบการจราจร กรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมา กทม. พยายามปรับปรุงหลาย ๆ ด้าน ทั้งแก้ไขจุดเสี่ยง เติมสี ทำเครื่องหมาย และติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น เพิ่มที่พักคอยตามทางข้าม ติดตั้งระบบฝ่าฝืนไฟแดง 22 แห่ง ระบบฝ่าฝืนไฟทางข้าม 30 แห่ง หรือยกระดับทางม้าลายให้สูงขึ้ให้คนขับขี่มองเห็นผู้ข้ามถนนได้ง่าย ขณะเดียวกันก็ช่วยชะลอความเร็วของผู้ใช้รถได้ อย่างไรก็ตามความท้าทายสำคัญในการลดอุบัติเหตุทางถนนใน กทม. คือ การเพิ่มเครื่องมือให้มีอย่างครอบคลุมและเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายจราจร
ทางด้าน พิชัย ธานีรณานนท์ นายกสมาคมวิทยาการจราจรและขนส่งแห่งประเทศไทย บอกว่า ทุกอย่างต้องเริ่มจากการป้องกัน แต่ส่วนใหญ่การป้องกันมักได้รับการตอบสนองช้า สิ่งที่ต้องทำโดยเร่งด่วน คือต้องเอาแนวคิด ลดการตายให้ได้ตามเป้าหมายเป้าหมาย ภายในปี 2570 ต้องเหลือ 12 คนต่อแสน ต้องไปขยายทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะ กทม. และยกระดับบทบาทความสำคัญของกระทรวงคมนาคม เพราะเขาดูแลถนนมากที่สุดในประเทศ โดยทำงานร่วมกับบุคลากรการแพทย์ กรมการขนส่งทางบก
เดชรัตน์ สุขกำเนิด ผู้อำนวยการ Think Forward Center มองว่า การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้ตอบโจทย์คือทางออกสำคัญที่จะทำให้การสัญจรปลอดภัยมากขึ้น ขนส่งสาธารณะเป็นสิ่งที่ท้องถิ่นทำได้ มีโอกาสเห็นเทศบาลที่กำลังเลือกตั้งในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ เริ่มพูดถึงเรื่องความปลอดภัยทางถนน ถ้ามาช่วยกันทำให้มีนโยบายนี้ขึ้นมา โดยมีผู้บริหารเป็นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เชื่อว่าจะเป็นก้าวสำคัญในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนน
ขณะเดียวกัน ปริญญา วรธำรง ผู้อำนวยการสำนักสวัสดิภาพการขนส่งทางบก กรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันขนส่งฯ ยังได้พัฒนาระบบเทคโนโลยีในการตรวจสภาพรถ สอบใบขับขี่ และเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น กระทรวงสาธารณสุขและตำรวจ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมและป้องกันอุบัติเหตุ แต่ก็ยังมียังมีข้อจำกัดบางประการที่ต้องแก้ไข เช่น กระบวนการออกใบสั่งจราจรที่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งกำลังรอศาลพิจารณาอยู่ และการทดสอบสมรรถภาพผู้ขับขี่ที่ยังไม่ครอบคลุมทุกด้าน เช่น การทดสอบท่าเบรก การขับขี่ปลอดภัยเมื่อมีผู้สัญจรเดินข้ามทางม้าลาย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนความปลอดภัยทางถนนต้องอาศัยทุกภาคส่วนที่มีเป้าหมายและกำหนดทิศทางไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะ "การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น" ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่อยู่ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด และจะช่วยแก้ปัญหาเฉพาะตัวของจังหวัดให้ตอบโจทย์ผู้ใช้งานจริงได้
ทั้งนี้ ข้อมูลจากการระดมความคิดและร่วมกันออกแบบนโยบายในเวทีนี้ จะถูกรวบรวมและนำเข้าสู่แพลตฟอร์ม "Policy Watch" ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ พร้อมทั้งเชื่อมโยงทุกมิติ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ www.thaipbs.or.th/PolicyWatch และสามารถติดตามประเด็นร้อนที่เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตอย่างอุบัติเหตุบนถนนได้ที่ Thai PBS In Focus : Thailand (Local) Off Road www.thaipbs.or.th/LocalOffRoad
ที่มา: ส.ส.ท.