อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การคำนวณสะท้อนความเสี่ยงของแต่ละประเภทการรับประกันภัยได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้มีการคำนวณโดยใช้ผลรวมของค่าที่มากกว่าระหว่าง UPR และ URR ในระดับประเภทการรับประกันภัย ซึ่งการปรับปรุงดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินให้กับบริษัทประกันภัย และช่วยลดความเสี่ยงจากการตั้งสำรองประกันภัยที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการบริหารความเสี่ยงของธุรกิจประกันภัย โดยการพัฒนาแนวทางนี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยเท่านั้น แต่ยังช่วยให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถติดตามสถานะทางการเงิน ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ได้มีมติเห็นชอบในหลักการปรับปรุงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรอบคอบและครอบคลุมทุกมิติ สำนักงาน คปภ. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคธุรกิจและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยได้จัดการประชุมชี้แจงเมื่อวันที่ 10-11 มีนาคม 2568 และเปิดให้แสดงความคิดเห็นระหว่างวันที่ 6-21 มีนาคม 2568
"สำนักงาน คปภ. เชื่อมั่นว่าการปรับปรุงหลักเกณฑ์ในครั้งนี้จะเป็นก้าวสำคัญในการเสริมสร้างเสถียรภาพของธุรกิจประกันภัย ในประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เอาประกันภัย และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ การพัฒนาแนวทางดังกล่าวยังช่วยให้บริษัทประกันภัยสามารถวางแผนเชิงกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง และส่งเสริมการแข่งขันอย่างเป็นธรรมในตลาดประกันภัย โดยสำนักงาน คปภ. พร้อมเดินหน้าพัฒนามาตรฐานด้านการกำกับดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจประกันภัยไทยมีความมั่นคง โปร่งใส และสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้เอาประกันภัยและสังคมโดยรวม" ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าวในตอนท้าย
ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย