ผู้บริหารของ SMILE INSURE ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการบริจาคโลหิตในฐานะการให้ที่ยิ่งใหญ่และเป็นรูปธรรม จึงได้ริเริ่มโครงการ "Blood4Life แบ่งปันโลหิต แบ่งปันชีวิต" ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรภายในองค์กรเกิดจิตสำนึกในการช่วยเหลือสังคม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการรักษาชีวิตของผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยกิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการบริจาคโลหิตเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงแนวทางขององค์กรที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์สังคมที่มีคุณภาพ และความรับผิดชอบร่วมกัน
นโยบายของบริษัท SMILE INSURE ในด้านกิจกรรมเพื่อสังคมนั้น มุ่งเน้นการสร้างผลลัพธ์เชิงบวกในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพของบุคลากร การมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือชีวิตผู้อื่น รวมไปถึงการปลูกฝังจิตสาธารณะอย่างยั่งยืน การสนับสนุนให้พนักงานมีโอกาสร่วมในกิจกรรมจิตอาสาจึงเป็นแนวทางสำคัญที่บริษัทใช้ในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง มีคุณธรรม และรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม
การบริจาคโลหิตนับเป็นหนึ่งในกิจกรรมจิตอาสาที่มีคุณค่ามหาศาล เพราะสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ต้องการโลหิตในการรักษา ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ประสบอุบัติเหตุฉุกเฉิน ผู้ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่ หรือผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่จำเป็นต้องใช้โลหิตเป็นประจำ เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเลือด และโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบหมุนเวียนโลหิต
โลหิตที่ได้จากการบริจาค 1 ถุง สามารถนำไปแยกเป็นส่วนประกอบหลักทางการแพทย์ได้ถึง 3 ส่วน ได้แก่ พลาสมา (Plasma), เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการรักษาโรคต่าง ๆ หรือ นำไปวิจัยเพื่อพัฒนาทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นยารักษาโรคเฉพาะทางที่มีมูลค่าสูง และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ป่วยบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านโปรตีนในเลือด
ถึงแม้ว่าในแต่ละปีจะมีผู้บริจาคโลหิตอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในความเป็นจริง คลังโลหิตสำรองของสภากาชาดไทยยังคงประสบภาวะขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มโลหิตบางกรุ๊ปที่พบได้ยาก เช่น กรุ๊ป O หรือกรุ๊ป AB และในช่วงเวลาที่มีอัตราการเข้ารับการรักษาหรือผ่าตัดเพิ่มขึ้น เช่น ช่วงเทศกาล หรือเหตุการณ์ภัยพิบัติฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของการคัดกรองโลหิต เนื่องจากโลหิตบางส่วนอาจไม่ผ่านมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น การตรวจพบโรคติดต่อ หรือคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้โลหิตที่สามารถนำไปใช้ได้จริงมีจำนวนน้อยกว่าที่ได้รับบริจาคมา
ประโยชน์ของการบริจาคโลหิตการบริจาคโลหิตเป็นกิจกรรมที่ให้ประโยชน์อย่างรอบด้าน ทั้งต่อผู้รับและผู้บริจาค ดังนี้
- ช่วยชีวิตผู้ป่วยในภาวะฉุกเฉิน อาทิ ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ มีภาวะเสียเลือดมาก หรือผู้ที่ต้องผ่าตัดใหญ่ที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก
- สนับสนุนการรักษาผู้ป่วยโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งเม็ดเลือด โรคธาลัสซีเมีย โรคฮีโมฟีเลีย และโรคทางโลหิตอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องได้รับโลหิตอย่างต่อเนื่อง
- เสริมสร้างคลังโลหิตให้พร้อมใช้ เพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินระดับประเทศ และสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด
- ส่งเสริมจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม การบริจาคโลหิตสะท้อนถึงความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ และเป็นการแสดงออกถึงคุณค่าทางจริยธรรมในระดับบุคคล
- ส่งเสริมสุขภาพของผู้บริจาคเอง เช่น การกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเซลล์เม็ดเลือดใหม่ ส่งผลดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต อีกทั้งยังเป็นโอกาสในการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งช่วยให้ผู้บริจาคสามารถเฝ้าระวังสุขภาพตนเองได้อีกด้วย
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด จากผลการศึกษาบางฉบับ พบว่าการบริจาคโลหิตเป็นประจำอาจช่วยลดปริมาณเหล็กในร่างกาย ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหัวใจบางประเภท
คำแนะนำก่อนการบริจาคโลหิตเพื่อให้การบริจาคโลหิตดำเนินไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย ผู้ที่ต้องการบริจาคควรเตรียมตัวให้พร้อม โดยมีแนวทางดังนี้
- พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 5 ชั่วโมงขึ้นไป
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 300 - 500 ซีซี ก่อนบริจาค
- หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และเลือกรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
- งดสูบบุหรี่และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนและหลังการบริจาคอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
- หากอยู่ระหว่างรับประทานยา หรือมีประวัติสุขภาพที่อาจเกี่ยวข้อง ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าทุกครั้ง
- ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ หรือประวัติเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อ
คุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิต
- อายุระหว่าง 17 - 70 ปี (ครั้งแรกไม่เกิน 60 ปี)
- น้ำหนักตัวตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป
- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการบริจาค
สถานที่ที่สามารถบริจาคโลหิตได้
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย
- หน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่
- ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ
- โรงพยาบาลในเครือบริการโลหิตแห่งชาติ 179 แห่งทั่วประเทศ
- โรงพยาบาลสังกัดกองทัพบกทั่วประเทศ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
- ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 02-263-9600 ต่อ 99 หรือ 02-256-4300
- สำนักงานใหญ่สภากาชาดไทย โทร. 02-251-1218
ที่มา: SMILEINSURE