พณ. จับมือ กลุ่มเซ็นทรัล เปิดตลาดข้าวหอมมะลิไทย

กรุงเทพฯ--9 ส.ค.--กรมการค้าต่างประเทศ
กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด จัดงาน “ ข้าวหอมมะลิไทย หอมไกลทั่วโลก” เปิดตลาดข้าวหอมมะลิไทย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ถึงคุณสมบัติและคุณประโยชน์ของข้าวหอมมะลิไทย และร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ณ บริเวณลานอีเดนท์ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กทม.
นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “ ข้าวหอมมะลิไทย หอมไกลทั่วโลก ” (วันที่ 9 สิงหาคม 2550) ว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกับบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด จัดงานดังกล่าวขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ถึงคุณสมบัติและคุณประโยชน์ของข้าวหอมมะลิไทย พร้อมทั้งเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ให้คนไทยบริโภคข้าวหอมมะลิไทยมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งเป็นการสร้างช่องทางการจัดจำหน่ายภายในประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้น การจัดงานครั้งนี้ ได้มีจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทยจากโรงสีในจังหวัดแหล่งผลิต อาทิ จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ ยโสธร ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้บริโภคข้าวหอมมะลิไทยแท้ ๆ และยังมีกิจกรรมอีกมากมาย อาทิ งานแสดงนิทรรศการการปลูกข้าวหอมมะลิไทย บูธแสดงสินค้าข้าวหอมมะลิไทยเพื่อแสดงจุดเด่นของข้าวหอมมะลิ และเทคนิคการเลือกซื้อข้าวหอมมะลิไทย พร้อมทั้งมีการสาธิตการปรุงข้าวหอมมะลิ และเมนูนานาชนิด เป็นต้น
อนึ่ง ภายหลังจากพิธีเปิดงาน “ ข้าวหอมมะลิไทย หอมไกลทั่วโลก ” แล้ว ทางบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด และกลุ่มบริษัทในเครือเซ็นทรัล ยังได้มีการจำหน่ายข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งจะวางจำหน่ายในซุปเปอร์มาเก็ตในเครือเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล 96 สาขาทั่วประเทศ พร้อมทั้งในมีการเสริฟข้าวหอมมะลิไทยในร้านอาหารและโรงแรมในเครือเซ็นทรัล ตลอดทั้งปี 2550
รัฐมนตรีช่วยฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้มีโครงการส่งเสริมและยกระดับข้าวหอมมะลิไทยให้เป็นสินค้าระดับพรีเมี่ยมให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เป็นผลทำให้สินค้าข้าวหอมมะลิไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ จากสถิติการส่งข้าวหอมมะลิไทยไปต่างประเทศ ในปี 2550 (เดือน ม.ค. - ก.ค.) ไทยได้ส่งออกไปแล้วทั้งสิ้น ปริมาณ 1.66 ล้านเมตริกตัน คิดเป็นมูลค่า 25,938 ล้านบาท เมื่อเทียบกับการส่งออกในช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้วเพิ่มขึ้น ร้อยละ 12.04 และ 35.41 ตามลำดับ