กรุงเทพฯ--28 ส.ค.--กระทรวงพลังงาน
กพช.” เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการเทิน-หินบุนส่วนขยาย การปิดรับการรับซื้อไฟฟ้าจาก SPP Cogeneration แนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้า การแก้ไขสัญญาขยายและประกอบกิจการโรงกลั่นปิโตรเลียมของบริษัทเอสโซ่(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และรับทราบการควบรวมกิจการของบริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน) กับบริษัท อะโรเมติกส์ ( ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน ) นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2550 มีมติเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจ
( MOU ) การรับซื้อไฟฟ้าโครงการเทิน-หินบุนส่วนขยาย จากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ระหว่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท เทิน-หินบุน เพาเวอร์ จำกัด จากกำลังการผลิตเดิม 210 เมกกะวัตต์ เป็นกำลังการผลิตรวม 440 เมกะวัตต์ โดยมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มีนาคม 2555 อายุสัญญาซื้อขายไฟฟ้าอายุ 27 ปีนับจากวันที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ อัตราค่าไฟฟ้าที่รับซื้อเฉลี่ย 1.89 บาทต่อหน่วย คงที่ตลอดอายุสัญญา ซึ่งต่ำกว่าโครงการอื่นๆในสปป.ลาว ที่มีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ใกล้เคียงกัน โดยการรับซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางด้านพลังงานของไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่ประชุมกพช.ยังรับทราบรายงาน เรื่องการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายเล็ก (SPP) ระบบการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน (Cogeneration) โดยได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนยื่นข้อเสนอ19 โครงการ กำลังการผลิต 1,442 เมกกะวัตต์ ซึ่งสูงกว่าที่ประกาศรับซื้อไว้ที่ 500 เมกกะวัตต์มาก กพช.จึงเห็นควรให้ยุติการรับข้อเสนอตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป
นายวีระพล กล่าวว่า ที่ประชุม กพช.ยังได้มีมติเห็นชอบร่างระเบียบคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติว่าด้วยแนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า พ.ศ…. โดยสาระของร่างระเบียบประกอบด้วย การดำเนินการจัดตั้งกองทุน คณะกรรมการและการบริหารกองทุน และการเงินและการบัญชีของกองทุน เป็นต้น โดยในร่างระเบียบนี้ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการติดตามและประเมินผลการดำเนินการซึ่งแต่งตั้งโดยคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่ติดตามประเมินผลการดำเนินการของกองทุนฯ
การประชุม กพช. อนุมัติให้กระทรวงพลังงานดำเนินการแก้ไขสัญญาขยายและประกอบกิจการโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมของบริษัทเอสโซ่ ( ประเทศไทย ) จำกัด ( มหาชน) หรือ ESSO เพื่อเอื้อให้ ESSO เข้าระดมทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ โดยเฉพาะเงื่อนไขเดิมที่กำหนดสัดส่วนการระดมทุนเพียง 20 % แต่ปัจจุบันเงื่อนไขตลาดหลักทรัพย์กำหนดสัดส่วนขั้นต่ำในการกระจายหุ้นไม่น้อยกว่า 25% ซึ่งคาดว่าบริษัท ESSO จะยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์(Filing)ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน — ธันวาคม 2550 นี้ และจะดำเนินการกระจายหุ้น (IPO) ประมาณเดือนเมษายน 2551 นี้ นายวีระพล กล่าว
นอกจากนี้ ในที่ประชุม กพช. ยังได้รับทราบการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน ) (RRC ) กับบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)(ATC) เพื่อต้องการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีอย่างครบวงจร และการควบรวมกิจการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประเทศโดยรวม ทั้งในด้านการเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน การเพิ่มมูลค่ามวลรวมของประเทศ และการเพิ่มการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และกพช.ได้เห็นชอบให้กระทรวงพลังงานดำเนินการแก้ไขสัญญาเพื่อให้ผู้รับอนุญาต(บริษัทโรงกลั่นน้ำมันระยอง จำกัด (มหาชน ) ) สามารถโอนสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาไปให้บริษัทใหม่ได้