ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตเดิม “บ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดใหม่ที่ “A-/Stable”

ศุกร์ ๑๘ พฤษภาคม ๒๐๐๗ ๐๘:๐๗
กรุงเทพฯ--18 พ.ค.--ทริสเรทติ้ง
บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศยืนยันผลการทบทวนอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ชุดเดิมของ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า จำกัด (มหาชน) ที่ “A-” ในขณะเดียวกันยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 2,200 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนการมีแหล่งรายได้ที่กระจายตัวจากทั้งธุรกิจโรงแรมและอาหารบริการด่วน รวมทั้งสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจอาหารบริการด่วน และโรงแรมของบริษัทที่มีคุณภาพดี อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มเซ็นทรัลด้วย อย่างไรก็ตาม จุดเด่นดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจโรงแรมที่ขึ้นกับฤดูกาลและถูกกระทบจากปัจจัยภายนอกได้ง่าย รวมทั้งจากการแข่งขันที่รุนแรง และอัตรากำไรที่ต่ำของธุรกิจอาหารบริการด่วน ทั้งนี้ ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมของบริษัทอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องใช้เงินทุนจำนวนมากขึ้นอันจะส่งผลให้สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า และความเสี่ยงจากการที่บริษัทจะไม่สามารถต่อสัญญาเช่าที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงแรม โซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งจะหมดอายุในปี 2551
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ว่าบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าจะสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้เป็นอย่างมากและใช้เงินดังกล่าวจำนวนมากไปใช้ในการลงทุนขยายกิจการ โดยอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับผลกระทบในทางลบหากสถานะทางการเงินของบริษัทไม่เป็นไปตามที่ทริสเรทติ้งคาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ สัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอาจอ่อนแอลงจากผลของการกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นเพื่อใช้ลงทุนในการขยายกิจการ
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าก่อตั้งโดยตระกูลจิราธิวัฒน์ในปี 2523 เพื่อดำเนินธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย ปัจจุบันบริษัทเป็นเจ้าของและบริหารโรงแรมระดับสี่และห้าดาวจำนวน 10 แห่ง (1,910 ห้อง) ใน 7 จังหวัดของประเทศ โดยรายได้ของโรงแรมส่วนใหญ่มาจากโรงแรม โซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า โรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัลหัวหิน และโรงแรมเซ็นทรัลสมุยบีช ยกเว้นโรงแรมโซฟิเทลเซ็นทรัลหัวหินซึ่งบริหารโดย Accor International บริษัทบริหารงานโรงแรมภายใต้ชื่อสัญลักษณ์ “เซ็นทรัล” และบริหารงานโรงแรมโซฟิเทล เซ็นทรัลพลาซ่า และโรงแรมโนโวเทล เซ็นทรัลสุคนธา ภายใต้แฟรนไชส์จากกลุ่ม Accor บริษัทยังดำเนินธุรกิจอาหารบริการด่วนภายใต้การบริหารงานของบริษัทในเครือคือ บริษัท เซ็นทรัลเรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) ซึ่งให้บริการอาหารบริการด่วนแบบแฟรนไชส์ของต่างประเทศจำนวน 5 ตราสัญลักษณ์ คือ “เคเอฟซี” “มิสเตอร์โดนัท” “พิซซ่า ฮัท” “บาสกิ้นส์-ร้อบบิ้นส์” และ “อานตี้ แอนส์” โดยมีจำนวนสาขารวมทั้งหมดมากกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่ามีรายได้จากธุรกิจอาหารบริการด่วนเป็นหลักซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 57%-62% ของยอดขายรวมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม การเพิ่มจำนวนของสาขาร้านอาหารบริการด่วนและการเปิดโรงแรมเพิ่มขึ้นทำให้รายได้รวมของบริษัทในปี 2549 เพิ่มขึ้น 9% จาก 6,239 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 6,775 ล้านบาทในปี 2549 บริษัทมีอัตรารายได้ต่อห้องพักที่มีอยู่เฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 1,932 บาทต่อห้องในปี 2548 เป็น 2,018 บาทต่อห้องในปี 2549 ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการที่บริษัททำการปรับปรุงห้องพักอย่างต่อเนื่องเพื่อแข่งขันกับโรงแรมใหม่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้จากธุรกิจอาหารบริการด่วนจะเพิ่มขึ้นจาก 3,864 ล้านบาทในปี 2548 เป็น 4,150 ล้านบาทในปี 2549 แต่ยอดขายจากสาขาเดิมของธุรกิจอาหารบริการด่วนกลับลดลง 1.9% ในปี 2549 หลังจากที่เคยเพิ่มขึ้น 10.6% ในปี 2548 การเติบโตที่ติดลบดังกล่าวสะท้อนถึงการแข่งขันทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้น
บริษัทยังคงขยายการลงทุนในธุรกิจโรงแรมเป็นอย่างมาก หลังจากเปิดตัวโรงแรมเซ็นทรัลกระบี่บีช รีสอร์ทในปี 2549 ซึ่งมีห้องพักทั้งสิ้น 192 ห้องแล้ว บริษัทก็ยังมีแผนเปิดโรงแรมอีก 3 แห่งภายในปี 2553 ซึ่งจะมีห้องพักอีกจำนวน 1,323 ห้อง เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนขยายกิจการอย่างมากโดยใช้เงินจากการกู้ยืม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจึงอ่อนแอลงจากระดับ 39% ในปี 2547 เป็น 53% ณ สิ้นปี 2549 อัตราส่วนกระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อหนี้สินรวมอ่อนตัวลงจากระดับ 44% ในปี 2547 เป็น 36% ในปี 2548 และ 21% ในปี 2549 โดยคาดว่าสัดส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนและความแข็งแกร่งของกระแสเงินสดจะอ่อนตัวลงในช่วง 3 ปีข้างหน้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทจะต้องมีรายจ่ายฝ่ายทุนเป็นจำนวน 6,000-7,000 ล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุนในโครงการใหม่ ทริสเรทติ้งกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย