กรุงเทพฯ--21 ก.พ.--ธนชาต
นางสุชาดา ภวนานันท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด เปิดเผยถึง “แผนการดำเนินงานในปีนี้ว่า “บลจ.ธนชาต ตั้งเป้ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุนภายใต้การบริหารในปี 2550เพิ่มขึ้นอีก25,000 ล้านบาทหรือประมาณ 50 % และให้ความสำคัญกับการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายโดยเฉพาะการขายผลิตภัณฑ์ผ่านสาขาของธนาคารธนชาต รวมถึงการพัฒนาช่องทางการซื้อขายผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายดังกล่าว น่าจะช่วยผลักดันให้มูลค่าสินทรัพย์สุทธิในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นตามเป้าหมาย”
นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับแผนการออกกองทุนสำหรับปี 2550 นั้น จะให้ความสำคัญกับกองทุนตราสารหนี้ กองทุนตลาดเงิน และกองทุนประเภท Rollover 3 เดือน 6 เดือนที่มีพร้อมให้ลงทุนได้ทุกเดือนตลอดทั้งปี รวมทั้งอาจมีการออกกองทุนผสมหรือกองทุนหุ้นใหม่ๆที่เหมาะสมกับช่วงเวลาและสอดคล้องกับสถานการณ์ในขณะนั้น ด้านของกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในต่างประเทศ (FIF) บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนดังกล่าว 3 — 4 กองทุนในช่วงปีนี้ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากตลาดหุ้นในประเทศไทยยังมีความผันผวน ดังนั้น การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลก็ยังคงให้ความสำคัญกับการขายผลิตภัณฑ์ผ่านเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทโดยจะเน้นที่ตราสารแปลกใหม่สำหรับลูกค้า High Networth
สำหรับบริการเสริมต่างๆ ในปี 2550 นี้ บลจ.ธนชาต ก็ให้ความสำคัญด้านบริการทางอินเตอร์เนต เพื่อให้ลูกค้าได้รับข่าวสารที่ทันสมัย รวมทั้งสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้สะดวกสบายขึ้น”
ด้าน นายตระกูลจิตร จิตตไสยะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต จำกัด กล่าวว่า“นโยบายการลงทุนของปี 2550นี้ การเลือกลงทุนในหุ้นคงจะไม่กำหนดชัดเจนลงไปว่าจะเลือกลงทุนในภาคธุรกิจใดแต่จะใช้วิธีพิจารณาเลือกดูหุ้นเป็นรายตัวไป โดยเลือกลงทุนในภาคธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐมากนัก”
นายตระกูลจิตร กล่าวเพิ่มเติมว่า “แนวโน้มการลงทุนของตลาดในครึ่งปีแรกคงจะไม่สดใสเท่าที่ควร เพราะปัจจัยหลายอย่างยังไม่มีความชัดเจน เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงในหลายๆด้านไม่ว่าจะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ โครงสร้างทางการเมือง รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบที่ส่งผลกระทบต่อผู้ลงทุนหรือกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ เช่น มาตราการสำรองเงินต่างประเทศ 30 % ของธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจน อย่างไรก็ตามคาดว่ากองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นและกองทุนตลาดเงินจะสามารถขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่กล้าปรับพอร์ตการลงทุนให้ยาวขึ้น แต่ยังต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝาก ซึ่งผลตอบแทนจากกองทุนตลาดเงินจะขึ้นลงตามอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ผู้ลงทุนไม่ต้องกังวลว่าจะเสียโอกาสหากอัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลง”
สำหรับมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ(NAV) ของกองทุนภายใต้การบริหารงานของ บลจ.ธนชาต ณ เดือน มกราคม 2550 มีจำนวน 52,422 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม 47,317 ล้านบาท กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3,202 ล้านบาท และกองทุนส่วนบุคคล 1,903 ล้านบาท
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
กลุ่มธนชาต
ศตวรรษ เสือแก้ว
0-2217-8000 ต่อ 6461