กรุงเทพฯ--21 มิ.ย.--คอมมูนิเคชั่น แอนด์ มอร์
แอสคอนฯ เดินเครื่องรุกงานภาครัฐ ล่าสุดคว้าโครงการก่อสร้าง ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองอุทัยธานี หลังจัดตั้งกิจการร่วมค้า เอเอสแซด เผยยังมีอีกหลายโครงการฯ ที่อยู่ระหว่างการรอประมูล ทั้งในประเทศและต่างประเทศ หวังให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางของการสร้างรายได้ในอนาคต
นายพัฒนพงษ์ ตนุมัธยา ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในส่วนของแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่าที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินงานตามแผนการที่วางไว้ และมีการประกาศแผนเพิ่มทุนไปแล้วเพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต รวมทั้งดำเนินการก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างไว้ให้มีความสำเร็จตามแผนที่กำหนด โดยตั้งประมาณการรายได้ไว้ที่ 2,200 - 2,500 ล้านบาท เชื่อว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนก็จะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เติบโตตามประมาณการที่ตั้งไว้ เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 3.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งยังมีงานเข้ามาอีกมาก ซึ่งยังอยู่ระหว่างการรอผลประมูลอีกหลายโครงการฯ
ล่าสุดบริษัทจะได้ร่วมกับบริษัท สตราบัก เอจี และ บริษัท ซูบริน (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินการจัดตั้งกิจการร่วมค้าภายใต้ชื่อ กิจการร่วมค้า เอเอสแซด อัตราส่วนการถือหุ้น บริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ร้อยระ 90 สตราบัก เอจี ร้อยละ 5 และ บริษัท ซูบลิน (ประเทศไทย) จำกัด ร้อยละ 5 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเทศบาลเมืองอุทัยธานี มูลค่าก่อสร้างของโครงการทั้งสิ้น 488,536,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ระยะเวลาก่อสร้าง 1,590 วัน นับถัดจากวันลงนามในสัญญาจ้างหรือวันที่ได้รับหนังสือแจ้ง จากเทศบาลเมืองอุทัยธานีให้เริ่มทำงาน จำนวนเงินลงทุน 5,000,000 บาท (ห้าล้านบาท) และการร่วมโครงการนี้โครงการเดียว โดยที่แต่ละบริษัทไม่มีความเกี่ยวโยงใดๆ ระหว่างกัน
“นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการรุกเข้าสู่ธุรกิจในงานของภาครัฐมากขึ้น โดยสอดคล้องกับแผนขยายงานของบริษัท แอสคอนฯ เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักดีว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของธุรกิจ เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และน่าจะสามารถสร้างรายได้และผลกำไรที่ดีให้กับบริษัทได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามการเข้าเซ็นสัญญากับหน่วยงานในภาครัฐในครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกในการดำเนินงาน ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการต่างๆ ตามมาอีก อาทิ โครงการรถไฟรางคู่ กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง มูลค่า 5,200 ล้านบาท รถไฟสายสีแดง จากบางซื่อ ตลิ่งชัน มูลค่า 13,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเข้าร่วมประมูลในครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทฯ จะร่วมกับบริษัท สตราบัก เอส อี (STRABAG SE) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างรายใหญ่ชั้นนำของยุโรป เพื่อเข้าประมูลโครงการรถไฟรางคู่สายต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมา ทั้งนี้บริษัท สตราบัก เอจี นับเป็นพันธมิตรที่ดี ที่ได้มีการร่วมงานกันมาแล้วกับโครงการก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสีย เทศบาลเมืองอุทัยธานี ภายใต้ชื่อ กิจการร่วมค้า เอเอสแซด ไปเมื่อเร็วๆนี้” นายพัฒนพงษ์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02 718 3800 ต่อ 131