กรุงเทพฯ--22 มี.ค.--เอ็ม แอนด์ เอ็ม คอมมิวนิเคชั่นส์
ดร.มาร์ตินส์ ไอเดียบรรเจิดเปิดโครงการ “Key to the City” ชวนแฟนๆ ดร.มาร์ตินส์ชาวไทยและทั่วโลก ร่วมลุ้นรางวัลกุญแจไขประสบการณ์ใหม่ในสุดยอดเมืองแห่งความอัศจรรย์5 แห่ง ทั่วโลก หรืออีก 8 รางวัลร่วมเทศกาลสุดตื่นตาตื่นใจทั่วเอเชีย ย้ำความเป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก เริ่มความสนุกพร้อมกันทั่วโลก 1 เมษายน — 31 กรกฎาคมศกนี้
นางสุดา ทรงอุดมวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอ ที ที ฟุตแวร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ รองเท้าแบรนด์ดังจากประเทศอังกฤษ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่าบริษัท Airwair International Limited ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ดร.มาร์ตินส์ ได้มีกำหนดจัดโครงการ “Key to the City” ขึ้นพร้อมกันทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสที่ ดร.มาร์ตินส์ มีอายุครบ 47 ปี ในปี 2550 (ค.ศ. 2007) นี้ รวมทั้งเพื่อเป็นการขอบคุณแฟนๆ และลูกค้า ดร.มาร์ตินส์ทั่วโลกที่ให้การต้อนรับ ดร.มาร์ตินส์ด้วยดีตลอด 47 ปีที่ผ่านมา
“ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 ที่เริ่มการจำหน่ายรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ คู่แรก จนมาถึงปัจจุบัน ถือว่า ดร. มาร์ตินส์ ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยได้รับการตอบรับจากลูกค้าทั่วโลกเป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันได้ขยายฐานการจัดจำหน่ายเข้าสู่ประเทศต่างๆ ทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย กว่า 60 ประเทศ ดังนั้นในวาระครบรอบ 47 ปีที่จะมาถึงนี้ ดร.มาร์ตินส์ จึงตอบแทนการต้อนรับที่ดีดังกล่าวด้วยการจัดโครงการนี้ขึ้น โดยรายละเอียด ชื่อโครงการ รวมทั้งรางวัลของโครงการ ซึ่งได้แก่การเปิดประสบการณ์ในเมืองสุดอัศจรรย์ 5 แห่งทั่วโลก ที่มีความน่าสนใจ มีเอกลักษณ์ และเป็นที่สนใจจากคนทั่วโลก ก็มาจากการที่ ดร.มาร์ตินส์ ได้ศึกษารูปแบบ แนวคิด ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาโดยตลอด และคิดว่าโครงการนี้น่าจะตอบรับกับความสนใจ ความชอบ และไลฟ์สไตล์ของแฟนๆ ดร.มาร์ตินส์ทั่วโลกได้เป็นอย่างดี” นางสุดากล่าว
ทางด้าน นางฉานฉันท์ กฤษดาวัฒน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท โอ ที ที ฟุตแวร์ กล่าวว่า ประเทศไทยได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการนี้ด้วยเช่นกัน โดยได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการเป็นกุญแจ จำนวน 1,500 ดอก โดยในแต่ละดอกจะมีรหัสเฉพาะ 8 หลักที่ได้มาจากการ Random เพื่อความยุติธรรมสำหรับผู้ร่วมโครงการทั่วโลก
“ลูกค้าชาวไทยที่ต้องการจะร่วมสนุกในโครงการนี้ ทำได้โดยซื้อรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ 1 คู่ และจะได้รับ กุญแจ ดร.มาร์ตินส์ 1 ดอก ที่มีหนึ่งรหัสเฉพาะในกุญแจแต่ละดอก เพื่อนำไปร่วมลุ้นรางวัล โดยลูกค้าจะต้องนำรหัสดังกล่าว ไปตรวจสอบในเวบไซต์ www.drmartens.com และทำตามขั้นตอนในเวบไซต์ โดยโชคชั้นที่ 1 จะมีสิทธิ์ร่วมลุ้น 5 รางวัลใหญ่ ในระดับ Global ซึ่งหากโชคดีได้รับรางวัลก็จะมีการประกาศให้ทราบทันที (Instant Win)หลังจากทำตามขั้นตอนในเวบไซต์แล้ว และจะมีการประกาศรายชื่อของผู้ได้รับรางวัลทั้งหมดอีกครั้ง หลังวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เพื่อให้ทราบว่าใครคือผู้โชคดี 5 ท่านจากทั่วโลก แต่หากพลาดรางวัลในระดับ Global ก็ยังมีสิทธิ์ร่วมลุ้นโชคชั้นที่ 2 ในระดับภูมิภาค ซึ่งจะเป็นรางวัลสถานที่ท่องเที่ยวและเทศกาลในเอเชียอีกจำนวน 8 รางวัล โดย 8 รางวัลนี้ จะเป็นการจับฉลากจากรายชื่อผู้ที่พลาดรางวัลใหญ่และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหลัง 31 กรกฎาคม 2550 เช่นกัน ทั้งนี้โปรโมชั่นดังกล่าวจะเริ่มพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 1 เมษายน 2550 และหมดเขตในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550” นางฉานฉันท์กล่าว
ผู้สนใจสามารถร่วมสนุกโดยการซื้อรองเท้า ดร.มาร์ตินส์ ได้ที่แผนกรองเท้าชาย ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า ภูเก็ต พระราม 3 สีลมคอมเพล็กซ์ เซน ชั้น 4 , โรบินสัน แอร์พอร์ต เชียงใหม่ และโรบินสันรัชดา, สยาม พารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และ ลอฟต์ สยามดิสคัฟเวอรี่
สำหรับรางวัลในโครงการ Key to the City ส่วนของ Global จำนวน 5 รางวัล คือเมืองที่มีเทศกาล หรือกิจกรรมที่น่าสนใจ เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก มีเอกลักษณ์ และจัดขึ้นเพียงปีละครั้งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น งาน Sydney Big Day Out ประเทศออสเตรเลีย, งาน Fuji Rock Festival ประเทศญี่ปุ่น, เทศกาลภาพยนตร์ Sundance ประเทศสหรัฐอเมริกา, Rio Carnival ประเทศบราซิล และสปาบ่อน้ำพุร้อน ที่เมืองเรคยาวิค ประเทศไอซ์แลนด์ ส่วนรางวัลของเอเชียจะมีจำนวนทั้งสิ้น 8 รางวัล ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลจะได้เข้าร่วมกิจกรรมที่ตื่นตาตื่นใจใน 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ เช่น ร่วมคอนเสิร์ตเรน ที่ประเทศเกาหลีใต้ ร่วมงาน Summer Sonic Music Festival ที่ประเทศญี่ปุ่น นั่งเฮลิคอปเตอร์ชมทัศนียภาพจากฮ่องกงไปสู่มาเก๊า หรือร่วมงานคอนเสิร์ต Jacky Cheung (จางเซี๊ยะโหย่ว) ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น
เกี่ยวกับ ดร.มาร์ตินส์
ดร.มาร์ตินส์ ริเริ่มโดย ดร.เคลาส์ มาร์ตินส์ โดยเริ่มจากการออกแบบรองเท้าในระบบพื้น Air Cushioned Soles ที่ช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า และหลังจากการพัฒนาจนเริ่มการผลิตรองเท้าบู๊ทคู่แรกออกจำหน่ายเมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1960 ซึ่งเป็นที่มาของรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์รุ่น 1460 จนถึงปัจจุบัน รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยมี สำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ และมีสาขาทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย กว่า 60 ประเทศทั่วโลก
ดร.มาร์ตินส์ ในปัจจุบันนอกจากจะคงความคลาสสิคแล้ว ยังพัฒนาให้มีความทันสมัยมากขึ้น สามารถตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความทนทานของ ดร.มาร์ติน อย่างการเย็บขอบด้วยด้ายเหลืองระหว่างตัวรองเท้าและพื้นรองเท้า และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้าอย่าง Air Cushioned หรือ Bouncing Soles ที่เป็นเทคนิคการใช้ความร้อนหลอมเส้นขอบหนังให้ประกบพื้นรองเท้ากับฐานรองเท้า โดยให้มีอากาศอยู่ภายใน เพื่อช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า ทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มสบายและเด้งได้เวลาเดิน (อันเป็นที่มาของการจดเครื่องหมายการค้า Bouncing Soles) รวมไปถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก
สำหรับในประเทศไทยนั้น ดร.มาร์ตินส์ ได้เริ่มนำเข้าและวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2548 โดย บริษัท โอ.ที.ที. ฟุตแวร์ จำกัด โดยปัจจุบันมีวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำจำนวน 14 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลสาขาชิดลม ลาดพร้าว บางนา ปิ่นเกล้า ภูเก็ต พระราม 3 สีลมคอมเพล็กซ์ เซน ชั้น 4 และ 5, โรบินสันแอร์พอร์ต เชียงใหม่, โรบินสันรัชดา, สยามพารากอน, ดิ เอ็มโพเรียม และ ลอฟต์ สยามดิสคัฟเวอรี่ รวมทั้ง ร้าน 1460 Boot Shop by Dr. Martens ที่เซ็นเตอร์พอยท์ สยามสแควร์ ซึ่งเป็นแหล่งรวมรองเท้าบู๊ทกว่า 100 แบบ จาก ดร.มาร์ตินส์
สอบถามข้อมูลข่าวเพิ่มเติม
ปัทมา, อานนท์ / เอ็ม แอนด์ เอ็ม คอมมิวนิเคชั่นส์
โทร. 0 2967 7713 — 4 แฟกซ์ 0 2967 7770
อีเมล์ [email protected] , [email protected]