กรุงเทพฯ--11 เม.ย.--แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์
เวลาแห่งชีวิต คิดดี..จิตใจดี..ทำดี ช่วยให้ค้นพบความสุขที่แท้จริง แถมด้วยกำไรชีวิต หากพุทธศาสนิกชน ได้มีโอกาสตามเบื้องบาทพระศาสดา ที่ล่าสุดการบินไทย ซึ่งนำโดย วัลลภ พุกกะณะสุต รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการพาณิชย์ นำพุทธศาสนิกชนกว่า 65 คน บินลัดฟ้าสู่อินเดีย-เนปาล ไปตามรอยพระศาสดาและสัมผัสร่องรอยแห่งอดีตกาล ณ สังเวชนียสถานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้ง 4 ตำบล เป็นเวลา 5 คืน 6 วัน เพื่อเตรียมเปิดเที่ยวบินพิเศษ “เที่ยวบินไทย เที่ยวบินธรรม” ของ “ไมล์สร้างบุญ” โครงการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา โดยจะนำพระสงฆ์ 80 รูปจากทั่วประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกจากมหาเถระสมาคม ไปจาริกแสวงบุญ ณ สังเวชนียสถานทั้ง 4 ในอินเดีย-เนปาล และสวดมนต์ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในช่วงเดือนตุลาคม — ธันวาคม 2550
การเดินทางจาริกธรรมตามรอยพระบาทพระผู้มีพระภาคเจ้าในครั้งนี้ มีพุทธศาสนิกชนผู้เปี่ยมล้นด้วยจิตศรัทธา ร่วมเดินทางสักการะ อาทิ สิทธิพร รัตโนภาส และครอบครัว, วาทิณี สุชีวะ, จุฑามณี อิศรางกูร ณ อยุธยา, ชลชินี สะสมทรัพย์, พันทิพา ชยาภิรัต, อำไพ เฮงสกุล, นภาพรรณ อูนากูล, ตรีสุคนธ์ ยุกตะทัต, กัลยา และมร.อ็อด เองเกอเบรทเซ่น เป็นต้น
อิ่มเอิบใจกัน ตั้งแต่นาทีแรกที่ได้ย่างก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณของ พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ของพระสัมมา สัมพุทธเจ้า ในรัฐพิหารของอินเดีย หนึ่งในมรดกโลก ที่เปิดให้สักการะทุกวัน ระหว่าง 04.00 น. - 21.00 น. สำหรับนักแสวงบุญ ที่อยากจะบำเพ็ญภาวนาจิตเจริญสมาธิทั้งคืน ก็กระทำได้ แต่จะต้องแจ้งความจำนงค์ล่วงหน้าและจ่ายเงินทำบุญ 100 รูปี และต้องถอดรองเท้าฝากไว้ เพราะถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันบริสุทธิ์ แต่สามารถสวมถุงเท้าได้ พุทธคยา เรียกได้ว่าเป็นจุดกำเนิดของศาสนาพุทธ เพราะเป็นสถานที่ที่ เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ กว่า 2,500 ปีล่วงแล้ว บุญตาแห่งแรกที่ได้เข้าชม ก็คือ องค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา ที่ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปที่พุทธศาสนิกชน นิยมไปกราบนมัสการ คือ พระพุทธเมตตา สร้างด้วยหินแกรนิตสีดำ ปางมารวิชัย ด้วยพระพักตร์เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน เมตตา กรุณา ที่นี่คณะแสวงบุญได้สวดบทสรรเสริญพระรัตนตรัย ภายใต้ร่มไม้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่อยู่ด้านหลังของพระวิหาร ต้นพระศรีมหาโพธิ์นี้ เป็นต้นที่ 4 แตกหน่อมาจากต้นเดิมครั้งพุทธกาล ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลก เมื่อพ.ศ.2423 เมื่อรัฐบาลอังกฤษปกครองอินเดีย ได้มอบหมายให้นายพล อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม เป็นผู้บูรณะสถานที่ และปลูกต้นโพธิ์ใหม่ขึ้น ณ ที่เดิม ที่นี่ เราได้เห็นชนหลายชาติ ต่างภาษา ต่างก็สวดมนต์เจริญจิตตภาวนา นั่งสมาธิใต้ต้นโพธิ์ เสมือนกับได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ถึงที่ประทับ
ต่อมาได้ออกเดินทางโดยทางรถจากกรุงพาราณสี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7 ชั่วโมง บนถนนสายเล็กๆ เป็นหลุมเป็นบ่อบ้าง โดยมีเสียงแตรรถขับกล่อมตลอดเส้นทาง หากทว่า การเดินทางที่ยาวนานนั้น ถูกตัดทอนให้ดูรวดเร็ว จากความเพลิดเพลิน ที่ได้สดับรับฟัง การบรรยายธรรมโดย พระมหา ดร.ปรีชา กตปุญโญ มหาน้อย พระธรรมวิทยากร แห่งวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ที่ทำให้การเดินทางยิ่งออกรส ออกชาติ เสมือนธรรมะศาลาเคลื่อนที่ อย่างไร ก็อย่างนั้น ระหว่างเดินทาง ได้ทั้งสวดมนต์ ฟังธรรม มีหลับ มีตื่นสลับกันไป ไม่ต้องเครียดมากนัก การเดินทางครั้งนี้มุ่งตรงยัง สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ที่ เมืองกุสินารา เป็นนครที่พุทธองค์ ทรงเลือกเป็นที่เสด็จปรินิพพาน ที่นี่มีสถานที่สำคัญ คือ สาลวโนทยาน สถูปแห่งพระเจ้าอโศกทรงสร้างสำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ภายใต้ต้นสาละ และยังได้กราบแทบเบื้องบาทพระศาสดา พุทธปฎิมากรปางมหาปรินิพพาน คือปางเสด็จบรรทมครั้งสุดท้าย ณ วิหารปรินิพพาน ที่งามดั่งองค์เทพวิษณุสร้าง จากนั้นได้สักการะ มกุฎพันธนเจดีย์ สถานที่ถวายพระเพลิงพุทธสรีระ ซึ่งสถูปเป็นเนินดินสูงประมาณ 50 ฟุต สถานที่คืนสู่ธรรมชาติแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต่อมา ออกเดินทางสู่เมืองลุมพินี โดยใช้ระยะเวลาเดินทาง 5 ชั่วโมง สวนลุมพินีวัน อยู่ในเขตของประเทศเนปาล การเดินทางต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเพื่อเช็ควีซ่า และเปลี่ยนทะเบียนรถเป็นสีเขียวสำหรับการใช้ขับขี่ในเนปาล ห่างจากด่านเพียง 23 กิโลเมตร ก็ถึงจุดหมาย ณ สวนลุมพินีวัน บนเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ ลงจากรถ ยังต้องโดยสารสามล้อถีบ เพราะหนทางเดินเท้ายังไกลโข สวนลุมพินีวัน ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างกรุงกบิลพัสดุ์กับกรุงเทวทหะ เป็นสถานที่ประสูติของเจ้าฟ้าชายสิทธัตถะมกุฎราชกุมาร ภายในวิหาร จะพบทางเดินไม้ทรงกรอบสี่เหลี่ยมล้อมรอบตามรูปทรงอาคาร คณะได้สักการะรอยพระพุทธบาท ด้านนอก เป็นที่ตั้งของเสาหินศิลาจารึกอายุกว่า 2000 ปี ที่พระเจ้าอโศกมหาราช ปักไว้ตรงที่ประสูติของพระสิทธัตถราชกุมาร เป็นอนุสาวรีย์ที่มีค่าที่สุด ทางพระพุทธประวัติ เมื่อประสูติได้ทรงประกาศต่อโลกด้วยพระวาจาแรกว่า เราเป็นผู้เลิศที่สุด เราเป็นผู้เจริญที่สุด เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิดของเราครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย ภพต่อไปไม่มีอีก ความสงบร่มรื่นของบรรยากาศโดยรอบ ณ สถานที่ประสูตินี้ ชวนให้รู้สึกเบิกบานใจยิ่งนัก ที่มีโอกาสเยือนสถานที่พระพุทธเจ้าทอดพระเนตรโลกนี้ เป็นครั้งแรกแห่งพระชนม์ชีพ
ท้ายสุด คณะเดินทางจากลุมพินี โดยทางรถไปยังเมืองพาราณสี โดยใช้เวลาราว 9 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของอินเดีย พาราณสี เคยเป็นเมืองหลวงของแคว้นกาสี มาแต่ครั้งพุทธกาล สถานที่ตั้งของเมือง พาราณสี อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง คยา ตัวเมืองอยู่ด้านฝั่งตะวันตกของแม่น้ำคงคา ถนนในเมืองพลุกพล่านไปด้วยรถนานาชนิด ผู้คนเดินกันหนาแน่น นอกจากนี้ยังมีบรรดาสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น โค กระบือ แพะ แกะ ฯลฯ โดยเฉพาะวัวที่จะมีมาก และยังถือสิทธิพิเศษกว่าคน เหมือนกันทุกเมือง เดินทางไปไหนก็ได้ ไม่มีใครกล้าทำร้าย เป็นเจ้าแห่งท้องถนน เพราะชาวอินเดียมีความเชื่อว่า วัวเป็นพาหะของท้าวมหาเทพ เมืองพาราณสี ยังเป็นศูนย์กลางแห่งการไปบูชาสักการะ ถ้ามาอินเดีย แล้วไม่ได้ไปเมืองพาราณสี ถือว่ายังไปไม่ถึงอินเดีย เพราะพาราณสียังคงเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียแท้และดั้งเดิม อาทิ การอาบน้ำล้างบาป, การเผาศพ, การบูชาสุริยเทพ ฯลฯ ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา จากนั้น เดินทางสู่เมืองสารนาถ อยู่ห่างจากกรุงพาราณสี 8 กิโลเมตร เพื่อกราบนมัสการ ธัมเมกขสถูป สถานที่ที่ทรงแสดง ปฐมเทศนาครั้งแรก แก่เหล่าปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่นำพาให้ถึงความหลุดพ้น ซึ่งเป็น อีกหนึ่งสังเวชนียสถาน มียอดทรงกรวยสูงประมาณ 80 ฟุต วัดโดยรอบประมาณ 120 ฟุต สร้างขึ้นในยุคของพระเจ้าอโศกมหาราช ในราวพุทธศตวรรษที่ 3 พระสถูปเป็นรูปทรงกลมบาตรคว่ำ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ท่านผู้เห็นธรรมครั้งนั้น
ตลอดการเดินทางแสวงบุญ 5 คืน 6 วัน ยังดินแดนชมพูทวีปในครั้งนี้ คณะผู้แสวงบุญได้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดไทยในประเทศอินเดีย คือ วัดไทยพุทธคยา, วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ และ วัดไทยลุมพินี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 194,270.- บาท และยังได้สัมผัสและรับรู้ถึงความสงบ ซาบซึ้ง อิ่มเอมใจ แห่งพระศาสดา ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
สำหรับผู้สนใจ เที่ยวบินพิเศษ “เที่ยวบินไทย เที่ยวบินธรรม” ของการบินไทย ในเดือนตุลาคม - ธันวาคมศกนี้ สามารถติดต่อหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ Call Center หมายเลข 0-2278-4022
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แม็กซิม่า คอนซัลแตนท์ โทร 02-434-8300, 02-434-8547
สุจินดา, แสงนภา, ปนัดดา
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net