กรุงเทพฯ--19 ม.ค.--ธ.ไทยพาณิชย์
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2549 กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.5 พร้อมกับขนาดสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 1,000,000 ล้านบาท ก้าวขึ้นเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ
ธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งผลประกอบการประจำปี 2549 (งบการเงินรวม) ก่อนการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีอิสระ มีกำไรจากการดำเนินงาน จำนวน 25,418 ล้านบาท (ไม่รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ขาดทุนจากการขายลูกหนี้ ภาษีเงินได้นิติบุคคล และส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) เพิ่มขึ้น 4,318 ล้านบาทหรือร้อยละ 20.5 จากจำนวน 21,100 ล้านบาทในปี 2548 อย่างไรก็ตาม จากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศหลักเกณฑ์ใหม่เรื่องการกันเงินสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานการบัญชีสากล (IAS 39) ในปีนี้ ธนาคารจึงได้ตั้งสำรองครั้งเดียวเพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังกล่าว จำนวน 5,100 ล้านบาท เมื่อประกอบกับภาษีเงินได้ที่เพิ่มขึ้นจำนวน 3,259 ล้านบาท ทำให้ผลประกอบการประจำปี 2549 มีกำไรสุทธิจำนวน 13,286 ล้านบาท ลดลง 5,596 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.6 จากจำนวน 18,883 ล้านบาทในปี 2548
สำหรับในไตรมาส 4/2549 ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 6,209 ล้านบาท ลดลง 283 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 851 ล้านบาทจากไตรมาส 4/2548 และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,204 ล้านบาทลดลง 2,484 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และลดลง 3,196 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2548 โดยมีสาเหตุหลักจากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นมากในไตรมาสนี้ตามนโยบายการตั้งสำรองตามเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย
ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า
“ปี 2549 เป็นปีที่ธนาคารประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายฐานสินทรัพย์ ทำให้ก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศ โดยมีอัตราการเติบโตของสินเชื่อสูงที่สุดในระบบ นอกจากนี้ธนาคารยังประสบผลสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการบริษัท ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง ซึ่งประกอบธุรกิจให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ นับเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุพันธกิจที่จะเป็นธนาคารที่ให้บริการครบวงจรชั้นนำของประเทศ”
“สำหรับนโยบายในปี 2550 นั้น ธนาคารยังคงเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งการขยายสินทรัพย์โดยเน้นที่สินเชื่อธุรกิจ SME และสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ การขยายเครือข่ายสาขาและ ATM เพื่อคงความเป็นที่ หนึ่งในการให้บริการลูกค้าอย่างทั่วถึงพร้อมกับมุ่งสร้างบริการที่มีคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้รับความพึงพอใจสูงสุด”
คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวเสริมว่า
“ผลประกอบการของธนาคารในปี 2549 นับว่าโดดเด่น โดยกำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจหลักดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินเชื่อสุทธิขยายตัวสูงถึงร้อยละ 22.2 โดยเป็นการเติบโตในทุกๆกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจหรือ SME ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของธนาคาร และสินเชื่อธุรกิจเช่าซื้อจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท ไทยพาณิชย์ลีสซิ่ง ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin) ปรับตัวดีขึ้นเป็นร้อยละ 3.6 ขณะเดียวกันรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ รายได้จากการปริวรรต และรายได้จากธุรกิจการเงินในเครือ”
“ในไตรมาสที่ 4 คณะกรรมการธนาคารได้มีมติให้ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อรองรับ IAS 39 ในครั้งเดียว แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะอนุญาตให้ทยอยดำเนินการใน 3 งวดก็ตาม เพื่อให้มีความชัดเจนและสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธนาคาร ทั้งนี้ เพื่อรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต ธนาคารยังคงสำรองส่วนเกินจากเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด โดยมีจำนวนรวม 11,382 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 นอกจากนั้นในการคำนวณสำรองสำหรับชั้นหนี้ปกติและชั้นหนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ ธนาคารไม่ได้นำหลักประกันมาหักจากยอดหนี้”
“สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพ ในปีนี้ธนาคารสามารถลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพได้ จากการปรับโครงสร้างหนี้ การตัดหนี้สูญและการจำหน่ายสินทรัพย์ ทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพสุทธิของธนาคารมีจำนวน 22,680 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.4 ของสินเชื่อรวมตามนิยามใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย”