สำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550

พุธ ๑๕ สิงหาคม ๒๐๐๗ ๑๒:๐๘
กรุงเทพฯ--15 ส.ค.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550 ว่า จากข้อมูลการรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการฯ ของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ พบว่าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจยังมีโครงการ/รายการที่มีความสำคัญต่อเป้าหมายการให้บริการกระทรวง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างแต่ไม่สามารถก่อหนี้ผูกพันได้ทันภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 และกรณีอื่น ๆ ที่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีเพื่อขยายระยะเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพัน เป็นกรณี ๆ ไป
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจจะเกิดความล่าช้าในการดำเนินงานของหน่วยงานและเป็นภาระต่อคณะรัฐมนตรี จึงมีมติให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจที่มีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการ/รายการที่สนองตอบต่อเป้าหมายการให้บริการของกระทรวงและหน่วยงานขออนุมัติต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขยายระยะเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพัน ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2550 และให้ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับ ควบคุม ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจให้เร่งรัด ทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพันโครงการ/รายการดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ภายในวันที่ 30 กันยายน 2550 ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย โดยให้แต่ละกระทรวงส่งสำเนาผลการอนุมัติขยายระยะเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพันโครงการ/รายการดังกล่าวให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 7 กันยายน 2550 เพื่อรวบรวมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ในกรณีส่วนราชการไม่สังกัด สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง ให้ส่วนราชการดังกล่าวสำเนาผลการอนุมัติ ขอขยายระยะเวลาทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพันโครงการ/รายการดังกล่าวให้สำนักงบประมาณโดยตรง
สำหรับงบประมาณที่จะต้องดำเนินการทำสัญญา/ก่อหนี้ผูกพันในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จำนวน 269,894.453 ล้านบาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้ดำเนินการ ดังนี้
1. ดำเนินการตามมาตรการฯ จำนวน 251,286.062 ล้านบาท (หรือร้อยละ 93.10)
2. ไม่สามารถทำสัญญา/ก่อหนี้ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2550 จำนวน 18,608.391 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.90
การเบิกจ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2550 มีอัตราการเบิกจ่ายต่ำกว่าอัตราการเบิกจ่ายของปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน แต่ภายหลังที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการมาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 ตั้งแต่ วันที่ 10 เมษายน 2550 เป็นต้นมา ปรากฏว่าผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของปี งบประมาณ พ.ศ. 2550 เดือนพฤษภาคม มิถุนายนและกรกฎาคม สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการเบิกจ่ายในระยะเดียวกันของ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จึงคาดว่าการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนใน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จะสามารถบรรลุเป้าหมายตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดไว้ ร้อยละ 73 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน และการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น ร้อยละ 93 ของวงเงินงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 จึงอาจกล่าวได้ว่ามาตรการส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภายการใช้จ่ายงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 เป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ช่วยเร่งรัดการจ่ายเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO