กรุงเทพฯ--25 ก.ค.--สมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย
โรคปวดหลัง โรคฮิตของคนเมืองที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เพราะต้องนั่งหลังขดหลังแข็งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ส่งผลทำให้คนกรุงวันนี้ มีปัญหาเรื่องกระดูกสันหลังมากขึ้น ในอเมริกา สถิติการบาดเจ็บจากอาการปวดหลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหนึ่งในสาเหตุใหญ่ ที่คนอเมริกันนำไปใช้เพื่อการขอลาป่วยมากขึ้นเป็นอันดับสองรองจากโรคหวัด แพทย์จัดกระดูกชี้ การนั่งอยู่ในรถนานๆ ขณะรถติด หรือต้องขับรถไปธุระไกล ๆ เป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้โรคปวดหลังระบาดหนักในกลุ่มคนเมือง พร้อมแนะนำท่านั่งทำงานที่ถูกต้องขณะใช้คอมพิวเตอร์ในออฟฟิศ ที่จะช่วยลดอาการปวดลงได้ ควบคู่กับการเลือกเฟ้นอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ เหมาะสมกับวัย และออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ดร.โอ๊ต บูรณะสมบัติ นายกสมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “คนไข้กว่า 90 % ที่เข้ารับการรักษา มีปัญหาจากการปวดหลัง โดยมีสาเหตุต่างๆ กัน อาทิ จากการนั่งทำงานผิดท่าทาง อุบัติเหตุจากกีฬาหรือเล่นไม่ถูกท่าทาง นอกจากนี้ ชีวิตประจำวันของหนุ่มสาวออฟฟิศ ที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลายาวนาน ซึ่งเป็นท่าทางของร่างกายที่ต้องใช้หลังมากขึ้นกว่าเดิม และการให้เวลากับการออกกำลังกายน้อยลง รวมถึงการดูแลสุขภาพน้อยเกินไป ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้การปวดหลังเรื้อรังได้”
ดร.โอ๊ต ผู้มีประสบการณ์ในการจัดกระดูกสันหลังให้กับคนไข้หลายร้อยราย ได้เผยลักษณะการนั่งใช้คอมพิวเตอร์ที่เหมาะสม และจะไม่ทำให้ผู้ใช้มีอาการปวดหลังว่า “ปัญหาคนไข้ส่วนใหญ่ที่พบคือ ผู้ใช้คอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จะต้องก้มศีรษะลงขณะใช้งาน และควรใช้คีย์บอร์ด ใช้เมาท์ ส่วนการยกแขนไปมาก็ทำให้ปวดกระดูกสันหลังได้ ตั้งแต่ช่วงเอว และเมื่อผู้ใช้โค้งหลังเพิ่มพิมพ์งาน จะทำให้กระดูกสันหลังค่อมลง กระดูกคอที่ควรจะโค้งไปด้านหลัง ก็จะมีการโล้ไปข้างหน้ามากขึ้น ทำให้มีการใช้กล้ามเนื้อของคอมากเกินไป มีอาการเกร็งหรือมีการตึงของกล้ามเนื้อ ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้คอมพิวเตอร์ไปนานๆ ก็จะมีปัญหาเรื่องปวดคอ ปวดศรีษะ หรือคอตึง คอเกร็ง ทำให้เสียบุคลิกภาพอีกด้วย” นอกจากนี้ หากใครที่มีเวลาน้อย ในการดูแลสุขภาพกาย โดยเฉพาะหลังของตนแอง
วิธีการแก้ไขอาการปวดหลังสำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ ออฟฟิศอย่างง่ายๆ นั้น แพทย์ ไคโรแพรคติกชี้ 7 วิธีที่น่านำไปปฏิบัติในที่ทำงานคือ
1. การเลือกขนาดของโต๊ะ เก้าอี้ ให้เหมาะสมพอดีกับสรีระ
2. ไม่ควรใช้เก้าอี้สปริงที่เอนไปได้ เก้าอี้แบบนี้ไม่ได้มีการรองรับหลังเท่าที่ควร ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถเอนได้ และมีความสูงของเก้าอี้และโต๊ะต้องได้ระดับ และมีหมอนหนุนหลังด้วย
3. คอมพิวเตอร์ที่ใช้ต้องมีการปรับให้จออยู่ในระดับสายตา คือกึ่งกลางของจออยู่ที่ระดับสายตาของเรา การพิมพ์งาน แป้นคีย์บอร์ดควรให้อยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ ในการที่จะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นมาพิมพ์
4. การใช้เมาท์ ถ้าหากต้องใช้มาก ควรจะเป็นเมาท์ที่เป็น “แทรกกิ้ง บอล” หรือ ไร้สายที่สามารถนำมาใกล้ๆ ตัว ได้ และสามารถใช้ได้ถนัดโดยไม่ต้องยื่นแขนไป
5. ไม่ควรนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานเกินไป ควรจะเบรคทุกๆ ชั่วโมงหรือ 45 นาที เพื่อพักผ่อนอิริยาบถ และควรนั่งตรงกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อจะได้ไม่ต้องบิดตัวไปมา
6. ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น ซึ่งสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ ชอบนั่งเก้าอี้แค่ครึ่งเดียวหรือปลายเก้าอี้
7. ควรมีการบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งท่าง่ายๆ นอกจากการลุกเปลี่ยนอริยาบทเดินไปเดินมาก็คือ การบีบคอ ยืดกล้ามเนื้อคอ เอียงไปทางซ้ายและขวา ก้มหน้าเงยหน้า แต่ละท่าค้างไว้สักสิบนาที หรือยืดกล้ามเนื้อหลัง โดยการก้มตัว หน้าออกประชิดหัวเข่า ซึ่งแต่ละครั้งยืดกล้ามเนื้อคลายกล้ามเนื้อ จะต้องทำช้าๆ และค้างประมาณ 10 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นยืดตัวได้ ถ้าก้มแรงๆ หรือยืดกระแทกเรงๆ ก็จะทำให้เกิดการฉีกขาด หรือเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้
สูตรง่ายๆ เพียงแค่นี้ ก็จะทำให้สาวออฟฟิศทั้งหลาย มีบุคคลิกภาพที่ดีขึ้น เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นที่ประ ทับใจสำหรับคนอยู่ใกล้ชิด และที่สำคัญ ไม่มีอาการ “ปวดหลังเรื้อรัง” ให้น่ารำคาญกายและใจอีกด้วย
ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ
คุณพิมพร ศิริวรรณ ที่ปรึกษาการประชาสัมพันธ์ สมาคมการแพทย์ไคโรแพรคติกแห่งประเทศไทย
โทร. 081-928-2808
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net