กรุงเทพฯ--19 เม.ย.--ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์
บมจ.ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ คาดที่ปรึกษาฯยื่นเรื่องขออนุมัติแจกวอแรนต์ฟรีสำหรับผู้ถือหุ้นเดิมสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 วอร์แรนต์ ให้ ก.ล.ต.พิจารณาช่วงปลายเดือน พ.ค.นี้ หลังผู้ถือหุ้นอนุมัติตามมติบอร์ดวานนี้ ด้าน"ปกรณ์ บริมาสพร" มั่นใจช่วยเสริมสภาพคล่องหุ้น L&E ในตลาดให้มากขึ้น และเป็นแหล่งเงินทุนของบริษัทสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต ขณะที่มั่นใจปี 2550 รายได้ยังโตได้แม้เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ครั้งที่ 1/2550 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550 มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (ใบสำคัญแสดงสิทธิ) จำนวน 15,277,778 หน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายโดยไม่คิดมูลค่าในอัตราส่วน 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2550 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ที่ผ่านมา
เขากล่าวว่า หลังจากที่ผู้ถือหุ้นมีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯแล้ว คาดว่า ที่ปรึกษาทางการเงินจะยื่นแบบคำขอเพื่อออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้พิจารณาภายในปลายเดือนพฤษภาคมนี้ และหากไม่มีปัญหาใดๆ คาดว่าจะได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต.ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม และใบสำคัญแสดงสิทธิขอบริษัทน่าจะสามารถเข้าซื้อขายได้ภายในเดือนสิงหาคม 2550 ส่วนเรื่องราคาแปลงสภาพคาดว่าจะสรุปได้ชัดเจนภายในปลายเดือนกรกฎาคม หลังจากที่ ก.ล.ต.อนุมัติแบบคำขอแล้ว
“การออกวอร์แรนต์ชุดนี้ ก็เพื่อเตรียมระดมทุนจากการใช้สิทธิแปลงสภาพของวอร์แรนต์ รองรับความต้องการที่จะใช้เงินทุนในการขยายธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่งคั่งแก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต นอกจากนั้น จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการแปลงสภาพจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในกระดานให้ดีขึ้นด้วย” นายปกรณ์กล่าว
เขากล่าวต่อ ถึงแผนงานในปีนี้ว่า จะยังคงเน้นรักษาความเป็นผู้นำในสินค้าโคมไฟฟ้าในส่วนงานขายโครงการและจะขยายส่วนงานขายส่งและขายปลีกเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่งานขายส่งจะเริ่มใช้แนวคิดเรื่องการจัดตั้งพันธมิตรทางการตลาดในจังหวัดที่สำคัญบางแห่ง เพื่อให้พันธมิตรสามารถโชว์สินค้าได้อย่างครบครัน โดยบริษัทจะให้การสนับสนุนด้านการเจาะตลาด ซึ่งจะทำให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้กว้างขวางขึ้น
ขณะเดียวกันในด้านตลาดส่งออกบริษัทจะเพิ่มกิจกรรมในประเทศเวียดนามและประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน ตะวันออกกลาง และ อเมริกาให้มากขึ้นและจากเหตุผลดังกล่าวทำให้บริษัทมั่นใจว่า ในปี 2550 บริษัทจะยังสามารถขยายธุรกิจและผลักดันรายได้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2549 แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในช่วงชะลอตัว
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : จุฬารัตน์ เจริญภักดี 089-4888337