กรุงเทพฯ--12 ก.พ.--โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น
มร. มาร์ค ฟาห์ลิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชดี ดิสทริบิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินธุรกิจของไอศกรีมฮาเก้น-ดาสในเมืองไทย มีอัตราเติบโตของยอดขายเป็นตัวเลข 2 หลักมาโดยตลอด ทั้งนี้ ประเทศไทยถือเป็นตลาดไอศกรีมที่ทันสมัยและมีระดับที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สิ่งที่ท้าทายสำหรับไอศกรีมฮาเก้น-ดาสคือการดำเนินธุรกิจให้บรรลุตามแผนที่วางไว้ และรักษาการเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มสินค้าระดับพรีเมี่ยม ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ แนะนำแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ฮาเก้น-ดาสยังมุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ๆ ในการรับประทานไอศกรีมที่ไม่เหมือนใครแก่ผู้บริโภคชาวไทย เราต้องการสร้างให้ผู้ที่ซื้อไอศกรีมฮาเก้น-ดาส ไม่ใช่แค่ได้รับสินค้าของฮาเก้น-ดาสเท่านั้น แต่ยังได้ความภาคภูมิในแบรนด์สินค้าด้วย
ทั้งนี้ ประเทศไทยจัดให้ไอศกรีมอยู่ในประเภทของ light food ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันกับ กาแฟ เครื่องดื่มและขนมประเภทเบเกอรีซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง
“หากวิเคราะห์ถึงความสำเร็จของไอศกรีมฮาเก้น-ดาสในเมืองไทย พบว่า ความเชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพสินค้าระดับพรีเมี่ยม, การพิถีพิถันในการผลิตเพื่อให้ได้มาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ โดยใช้วัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดและเป็นธรรมชาติทั้งหมด เช่น ผลไม้ นม ครีม และอื่นๆ รวมทั้ง ความหรูหราและมีสไตล์ของร้านไอศกรีมฮาเก้น-ดาสที่เน้นการบริการชั้นเลิศที่เอาใจใส่ต่อลูกค้า ถือเป็นปัจจัยหลักอันนำไปสู่ความสำเร็จของเราในวันนี้ เราพยายามสานต่อและพัฒนาความสำเร็จดังกล่าวให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเราต้องการสร้างให้ลูกค้ารู้สึกว่าการรับประทานไอศกรีมฮาเก้น-ดาสนั้น เป็นเสมือน ”การให้รางวัลแก่ตนเอง” (Rewards หรือ Self-Recognition) ทุกครั้งที่ผู้บริโภคได้รับประทานไอศกรีมฮาเก้น-ดาส จะรู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระจากโลกของเหตุและผลสู่โลกแห่งจินตนาการอย่างความพึงพอใจ เราต้องการสร้างให้ ฮาเก้นดาสไม่ใช่เป็นแค่ไอศกรีม แต่มันยังเป็นเครื่องบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์ด้วย” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชดี ดิสทริบิวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
ในปี 2550 ถือเป็นปีที่ไอศกรีมฮาเก้น-ดาสดำเนินธุรกิจในเมืองไทยครบ 11 ปีเต็ม และยังคงเดินหน้ามอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่กลุ่มลูกค้าเสมอ “เรายังคงเดินหน้าในการสร้างเสริมความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ ฮาเก้น-ดาส ในฐานะผู้นำอย่างต่อเนื่อง ทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของเราคือมูลค่าของแบรนด์และศักยภาพของบุคลากร ที่ทำให้ผู้บริโภคไว้วางใจ และเราก็มีเครือข่ายจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ในประเทศไทย อีกทั้งยังมีสัมพันธ์ที่ดี กับร้านค้าปลีกและคู่ค้าทางธุรกิจ เรายังเดินหน้านำเสนอไอศกรีมรสชาติใหม่ๆ และนวัตกรรมใหม่ๆ แก่ผู้ชื่นชอบ เพื่อเพิ่มความเพลิดเพลินในการรับประทานไอศกรีม ผู้บริโภคในประเทศไทยจะได้สัมผัสกับกิจกรรมทางการตลาดที่ใหม่และน่าตื่นเต้นเช่นเคย นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะเปิดสาขาร้านไอศกรีม และจุดขาย เพิ่มบนพื้นที่ที่ได้รับการเลือกสรรแล้วเป็นอย่างดี โดยล่าสุด ฮาเก้น-ดาส ได้เปิดสาขา Central World ซึ่งถือเป็นสาขาแห่งที่ 21 ในเมืองไทย ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพฯ และเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วไป เราจะเห็นแบรนด์สินค้าระดับอินเตอร์มากมายที่นี่ ซึ่งก็เหมาะกับฮาเก้น-ดาสที่เป็นแบรนด์อินเตอร์เช่นกัน เราได้พื้นที่ที่ดี และเปิดโล่ง ร้านถูกตกแต่งด้วยสีแดงเบอร์กันดี และสีทอง สร้างบรรยากาศของร้านให้ดูดีและอบอุ่น ทำให้ลูกค้าใช้เวลาส่วนตัวได้อย่างมีคุณภาพและเพลิดเพลินไปกับรสชาติไอศกรีมที่อร่อยไปกับกลุ่มเพื่อนสนิท เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ร้านไอศกรีมฮาเก้น-ดาสที่ Central World แห่งนี้จะเป็นแหล่งนัดพบของคนที่มีวิถีชีวิตที่หรูหรา มีระดับ และทันสมัย โดยในปี 2550 เรามีแผนจะเปิด 2-3 สาขาใหม่ แต่แผนนี้ก็ยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับโอกาสและความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป็นหลัก สำหรับมาตรฐานด้านบุคลากรและการบริการนั้น ฮาเก้น-ดาสได้คัดเลือกพนักงานอย่างรอบคอบ คนของเรามีการเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา พวกเขามีความกระตือรือล้นและมีแรงผลักดันเพื่อให้การบริการที่มีคุณภาพ พนักงานทุกคนได้รับการอบรมให้รักษามาตรฐานสูงสุดในการให้บริการ” มร. มาร์ค ฟาห์ลิน กล่าว
ธุรกิจของไอศกรีมฮาเก้น-ดาสในประเทศไทยมีลักษณะเป็นธุรกิจร่วมทุน ระหว่างบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) และบริษัท General Mills จากสหรัฐอเมริกา ในสัดส่วน 51% และ 49% ตามลำดับ ร้านไอศกรีมฮาเก้น-ดาสสาขามณียา เซ็นเตอร์ นอร์ท ถือเป็นสาขาแรกในประเทศไทย เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 2539 ณ ปัจจุบันไอศกรีมฮาเก้น-ดาสมีจำนวนสาขาทั้งหมด 21 แห่ง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดและเมืองใหญ่ๆ เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย เชียงใหม่ พัทยา และหัวหิน ซึ่งสาขาล่าสุดตั้งอยู่ที่ศูนย์การค้า Central World นอกจากนี้ ไอศกรีมฮาเก้น-ดาสยังมีจำหน่ายตามร้านค้าปลีกชั้นนำทั่วประเทศ และมีจำหน่ายในร้านอาหารและโรงแรมชั้นนำในประเทศไทยอีกกว่าร้อยแห่ง
“ฮาเก้นดาส” คือผู้ผลิตไอศกรีมระดับโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย โดยในปัจจุบันมีจำหน่ายใน 54 ประเทศทั่วโลก ไอศกรีมฮาเก้น-ดาสที่จำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส โดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% ไม่มีการเจือปนของสารสังเคราะห์ต่างๆ ซึ่งไอศกรีมฮาเก้น-ดาสทุกแบบ มีส่วนผสมของอากาศและน้ำน้อยมาก ทำให้ผู้ลิ้มรสสัมผัสได้ถึงความเข้มข้นและ รสชาติที่อร่อย ไอศกรีมฮาเก้น-ดาสผ่านขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน โดยมีจุดตรวจวัดคุณภาพทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าไอศกรีมถูกผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานสูงสุด
และในโอกาสเปิดสาขาใหม่ที่ Central World ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส จึงได้สร้างสรรค์เมนูใหม่ล่าสุด “ฮาเก้น-ดาส ไอศกรีมฟองดู” เมนูไอศกรีมพิเศษที่ให้ผู้บริโภคได้ลิ้มลองความอร่อยกับไอศกรีมมินิสกู๊ปหลากหลายรสชาติ เสิร์ฟพร้อมกับผลไม้สดและเบเกอร์รี่หลากชนิด เพิ่มความพิเศษด้วยช็อกโกแลตซอสและราสเบอร์รี่ซอสอุ่นๆ ที่ให้คุณทานพร้อมกับไอศกรีมรสโปรดตามแบบฉบับฟองดูในสไตล์ฮาเก้น-ดาส โดยผู้ที่ชื่นชอบไอศกรีมฮาเก้น-ดาสสามารถสัมผัสประสบการณ์ใหม่กับฮาเก้น-ดาส ไอศกรีมฟองดู ได้แล้ววันนี้ที่ร้านฮาเก้น-ดาส สาขา Central World, มณียา เซ็นเตอร์ นอร์ท, สยาม พารากอน, สยาม เซ็นเตอร์, เพลินจิต เซ็นเตอร์ และสาขาต่างจังหวัดที่หัวหิน, พัทยา, สมุย และจังซีลอนภูเก็ต
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
วิภาวริศ เกตุปมา หรือ จาจิญา เพ็งพันธ์
บริษัท โฟว์ดี คอมมิวนิเคชั่น จำกัด 02-951-9119, 084-155-1987 และ 081-890-3568
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
- พ.ย. ๒๕๖๗ บราเดอร์เดินหน้าพัฒนาสิ่งแวดล้อม จัดโครงการอาสาอนุรักษ์ และฟื้นฟูธรรมชาติป่าชายเลน ครั้งที่ 12
- พ.ย. ๒๕๖๗ The Lemon Story เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์
- พ.ย. ๒๕๖๗ 30 ก.ย. – 6 ต.ค. นี้ เกทเวย์ เอกมัย ร่วมกับ ซูมคาเมร่า จัดงาน ZoomCamera Fair ครั้งที่ 11 มหกรรมกล้องครั้งใหญ่ส่งท้ายปี