กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--สนพ.
ครม.ไฟเขียวใช้แผนใหม่คำนวณหาค่ามาตรฐานการใช้พลังงานในส่วนราชการ มั่นใจทำให้ทราบความต้องการใช้พลังงานที่แท้จริงของแต่ละหน่วยงานซึ่งนำไปสู่การปรับปรุงแผนการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดีกว่าวิธีเดิม
ดร.ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 13 มี.ค.50 ได้มีมติอนุมัติให้นำ “ค่ามาตรฐานการจัดการใช้พลังงานในส่วนราชการ” มาใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินผลด้านการประหยัดพลังงานของส่วนราชการตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ร่วมกันพิจารณาและกำหนดปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวแปรให้เหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของส่วนราชการ และให้ทางสำนักงบประมาณนำค่ามาตรฐานการจัดการใช้พลังงานส่วนราชการไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีในส่วนที่เป็นค่าไฟฟ้าและค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งนี้มาตราการดังกล่าวจะเริ่มใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 เป็นต้นไป
สำหรับในปีงบประมาณ 2550 นี้ มติคณะรัฐมนตรียังคงกำหนดเป้าหมายลดใช้พลังงานของส่วนราชการไว้ที่ระดับ 10-15% เช่นเดียวกับปี 2546 ไปก่อน และได้มอบหมายให้ สนพ.ทำความเข้าใจกับส่วนราชการเรื่องเกณฑ์การพิจารณาใหม่เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการใช้งานต่อไป อีกทั้งมอบหมายให้กระทรวงการคลังกำหนดให้ทุกส่วนราชการจัดซื้ออุปกรณ์และครุภัณฑ์โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้พลังงานหรือเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีฉลากเบอร์ 5
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานได้ดำเนินการให้หน่วยงานราชการ ลดใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2543 โดยช่วงแรกเน้นการกำกับดูแลการประหยัดพลังงานในหน่วยงานส่วนกลาง ต่อมาได้มีการออกมาตรการประหยัดพลังงานให้ครอบคลุมส่วนภูมิภาคและหน่วยงานในสังกัดอย่างทั่วถึง ประกอบกับการอำนวยความสะดวกในการรายงานผลด้วยระบบอินเตอร์เน็ต www.e-report.energy.go.th พร้อมทั้งให้บริการตอบข้อซักถามทางโทรศัพท์ ทำให้หน่วยงานราชการตระหนักและ หันมาให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานเพิ่มขึ้น
ซึ่งจากการติดตามข้อมูลพบว่าหน่วยงานราชการหลายแห่งได้พยายามลด การใช้พลังงานตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้คือ 10-15% แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากหน่วยงานแต่ละแห่งมีภาระกิจหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ปริมาณงาน-กิจกรรม ที่เพิ่มขึ้นตามการการขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้ต้องรับบุคคลากรเพิ่ม เป็นต้น ซึ่งสาเหตุดังกล่าวเป็นผลให้หน่วยงานต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
“เราเชื่อว่าการนำวิธีการประเมินผลการใช้พลังงานแบบใหม่มาใช้แทนวิธีการเดิมนั้น จะทำให้หน่วยงานราชการต่างๆ เกิดความเสมอภาคในการคำนวณหาค่ามาตรฐานการลดใช้พลังงาน ทั้งยังทำให้ทราบถึงผลการใช้พลังงานของแต่ละหน่วยงานว่าสามารถปฏิบัติได้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือไม่ และมั่นใจว่าวีธีการใหม่นี้จะนำไปสู่การปรับปรุงแผนการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น”ดร.ปิยสวัสดิ์ กล่าว