กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนาคารกรุงไทย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย ผลประกอบการสำหรับงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 ว่า ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิจำนวน 10,766 ล้านบาท ลดลง 648 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.68 จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 11,414 ล้านบาท สำหรับกำไรก่อนการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญมีจำนวน 5,508 ล้านบาท ลดลง 1,721 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.81 จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนจำนวน 7,229 ล้านบาท และเมื่อหักการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 1,100 ล้านบาทแล้ว ก็ยังมีกำไรสุทธิ 4,408 ล้านบาท ลดลง 237 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.10 เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 4,645 ล้านบาท ในระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน
ยอดเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2550 มีจำนวน 94,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,935 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.50 เมื่อเทียบกับยอด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 จำนวน 89,692 ล้านบาท จึงส่งผลให้ธนาคารมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมร้อยละ 9.82 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดปีก่อนที่มีอัตราส่วนร้อยละ 9.22 และสำหรับยอดเงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (สุทธิ) มีจำนวน 64,241 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.88 โดยในไตรมาสนี้นอกเหนือจากการที่ธนาคารกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรายเดือนปกติจำนวน 300 ล้านบาท ต่อเดือนแล้ว ธนาคารได้กันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นอีก 200 ล้านบาท เพื่อให้เพียงพอต่อการกันสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 สำหรับปี 2550 ทั้งจำนวน
ธนาคารมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกบัญชีของเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม ในงบการเงินเฉพาะกิจการจากวิธีส่วนได้เสียเป็นวิธีราคาทุนในไตรมาสที่ 1/2550 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2550 เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดใหม่ของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 44 และ 45 โดยธนาคารได้ปรับปรุงย้อนหลังงบการเงินที่แสดงเปรียบเทียบด้วย ทั้งนี้ เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมที่แสดงอยู่ใน งบการเงินเฉพาะกิจการนั้นบันทึกโดยใช้ราคาทุนเดิม (Historical Cost) เป็นราคาทุนเริ่มต้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว มีผลกระทบทำให้เงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมและส่วนของผู้ถือหุ้น ที่แสดงไว้ในงบดุลลดลง 1,497.45 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชีดังกล่าวส่งผลต่อการแสดงรายการบัญชีที่เกี่ยวข้องกับเงินลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในงบการเงินเฉพาะกิจการเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบต่อการจัดทำงบการเงินรวมและปัจจัยพื้นฐานการทำธุรกิจของธนาคารแต่อย่างใด
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ
ฝ่ายสื่อสารการตลาดและประชาสัมพันธ์
โทร. 0-2208-4174-7