พพ. เผยแก๊สโซฮอล์ใช้กับเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์ได้

กรุงเทพฯ--16 มี.ค.--พพ.
พพ.เผยผลทดสอบแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์เครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์สามยี่ห้อฮิต วิ่งแสนกิโล อุปกรณ์ในถังเชื้อเพลิงยังปกติ เร่งแซงเทียบเบนซิน95
นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยผลสรุปการศึกษาการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์สำหรับรถยนต์เก่าที่มีเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์ หรือมีอายุมากกว่า 10 ปี เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2550 ว่า “ยุทธศาสตร์เอทานอลของ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กำหนดเป้าหมายการใช้เอทานอล เพื่อทดแทนเนื้อน้ำมันเบนซิน91 และทดแทน MTBE ในน้ำมันเบนซิน95 ให้ได้วันละ 3 ล้านลิตร ภายในปี 2554 พพ.จึงได้ส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์โดยมอบหมายให้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ทำการสำรวจและวิจัยการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์ โดยเลือกรถยนต์ 3 ยี่ห้อ ซึ่งมีผู้ใช้มากที่สุด ยี่ห้อละ 1 รุ่น มาวิ่งทดสอบ รุ่นละ 3 คัน เป็นระยะทาง 100,000 กิโลเมตร ได้แก่
- รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโลล่า ขนาดความจุ กระบอกสูบ 1300 ซี.ซี.
- รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค ขนาดความจุ กระบอกสูบ 1500 ซี.ซี.
- รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่น แลนเซอร์ ขนาดความจุ กระบอกสูบ 1500 ซี.ซี.
ผลการทดสอบปรากฏว่า สภาพถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถที่ทำการทดสอบไม่มีคราบสกปรกสภาพลูกลอยในถังเชื้อเพลิงยังมีสภาพปกติ ไม่มีอาการบวมหรืออุดตัน นอกจากนี้ยังพบว่า อัตราการเร่งแซงทำได้ดีเทียบเท่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน95 โดยการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ไม่ก่อให้เกิดการสึกหรอของชิ้นส่วนในระบบเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ และสามารถใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซิน95 ได้ ดังนั้น น้ำมันแก๊สโซฮอล์สามารถใช้กับรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์ได้ โดยอาจต้องมีการปรับแต่งเครื่องยนต์บ้างในเรื่องส่วนผสมของอากาศต่อเชื้อเพลิง มีการบำรุงรักษาเครื่องยนต์อย่างสม่ำเสมอ และควรใช้อะไหล่แท้จากผู้ผลิตรถยนต์ เนื่องจากรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์เป็นรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมามาก
สำหรับการทดสอบในครั้งนี้ เป็นหนึ่งในมาตรการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์อย่างจริงจังของกระทรวงพลังงาน เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และปัจจุบันกระทรวงพลังงานยังได้กำหนดให้ราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ถูกกว่าน้ำมันเบนซิน95 สูงสุดลิตรละ 2 บาท ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ประหยัดค่าน้ำมันเชื้อเพลิงต่อถังรวมทั้งช่วยลดการนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศอีกด้วย”