กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--ไทยง้วนเมทัล
แม้ภาพรวมตลาดหุ้นจะปิดลบถึง 19.81 จุด แต่หุ้น TYM ไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวังให้ผลตอบแทนสูงถึง 8.66% จากราคาไอพีโอ 3 บาท/หุ้น ผู้บริหารระบุเป็นเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและผลประกอบการมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมแจงเรื่องหนี้สินหมุนเวียน 1.7 พันลบ.ล้วนเป็นหนี้ระยะสั้น ถือเป็นเรื่องปกติของธุรกิจเหล็ก สำหรับสัดส่วน D/E จะลดต่ำกว่า 1 เท่าหลังจากการเพิ่มทุนครั้งนี้
บรรยากาศการซื้อขายของ บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) (TYM)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้เป็นวันแรก(9 สิงหาคม 2550) ในหมวดวัสดุก่อสร้าง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมาก ช่วงเช้าราคาหุ้นเปิดตลาดที่ระดับ 3.60 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.60 บาท จากราคาเสนอขาย 3.00 บาท/หุ้น โดยระหว่างวันได้ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ระดับ 3.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.22 บาท และปิดการซื้อขายที่ระดับ 3.26 บาท เพิ่มขึ้นจากราคาไอพีโอ 0.26 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 8.66% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 322.58 ล้านบาท
นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยง้วนเมทัล จำกัด (มหาชน) (TYM) เปิดเผยถึงราคาหุ้น TYM ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันนี้เป็นวันแรกว่ารู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก เพราะในการเข้าซื้อขายวันแรกสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ถึง 8.66% ทั้งๆ ที่สภาพการซื้อขายโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ไม่เอื้ออำนวย ส่วนสาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นของบริษัทอย่างมาก คาดว่าน่าจะมาจากความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งและผลประกอบการที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2547 และล่าสุดในไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 24.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/49 ที่มีกำไรสุทธิ 11.07 ล้านบาท
“แม้ว่าบรรยากาศการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ในวันนี้ค่อนข้างจะผันผวนและปิดตลาดในแดนลบ โดย SET INDEX ปิดที่ระดับ 811.83 จุด ลดลง 19.81จุด แต่นักลงทุนก็ยังมีความมั่นใจในธุรกิจของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาผลประกอบการก้าวกระโดดมาโดยต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้น TYM เมื่อปิดตลาดก็สามารถยืนเหนือราคาจองได้ในวันนี้”
เขากล่าวต่อถึงเรื่องภาระหนี้สินของ บมจ.ไทยง้วนเมทัล ว่าไม่มีหนี้ระยะยาวเลย ทั้งหมดเป็นหนี้ระยะสั้นโดยในไตรมาส 1 ปี 2550 มีประมาณ 1,700 ล้านบาท ซึ่งเป็นการนำไปใช้ในการสำรองสินค้า แต่หนี้สินในระดับดังกล่าวสำหรับผู้ประกอบการในธุรกิจเหล็กถือว่าไม่มากและเป็นระดับปกติ อย่างไรก็ตามภายหลังการระดมทุนภาระหนี้สินระยะสั้นลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ขณะนี้ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 1 เท่า จากไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับประมาณ 3 เท่า
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : คุณสมร ภู่อิ่ม 081-9844814 / 02-554-9394