ไทยยูเนี่ยน รุกพัฒนาและผลิตพันธุ์ลูกกุ้งคุณภาพสูง ทุ่ม 400 ล้านบาท ตั้งบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด

พฤหัส ๐๘ มีนาคม ๒๐๐๗ ๑๑:๓๑
กรุงเทพฯ--8 มี.ค.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (Thai Union Feedmill Co.,Ltd.: TFM) ผู้ผลิต และจำหน่ายอาหารสัตว์ ประเภทอาหารกุ้งและอาหารปลารายใหญ่ของไทย ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ได้ร่วมลงทุนกับ บริษัท ไฮเฮลท์ อะควาคัลเชอร์ อินคอร์ปอเรเต็ด (High Health Aquaculture Incorporated: HHA) ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาสายพันธุ์กุ้งจากประเทศสหรัฐอเมริกา ร่วมลงทุนในบริษัทย่อยแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “ บริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด (High Health (Thailand) Co.,Ltd หรือ HHT)” โดยใช้เงินลงทุนกว่า 400 ล้านบาท หรือ 11 ล้านเหรียญดอลลาร์ เพื่อดำเนินธุรกิจการพัฒนาพ่อแม่พันธุ์ และลูกกุ้งที่มีคุณภาพสูง เพื่อผลิตและจำหน่ายให้กับเกษตรกร ทั้งนี้เป็นการสนับสนุนต่อการขยายโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการส่งออกสินค้าประมงแปรรูป โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์กุ้ง ตั้งแต่ระดับการคัดเลือกสายพันธุ์ การเพาะเลี้ยง การแปรรูป รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายแบบครบวงจร
นายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด หรือ ทีเอฟเอ็ม และบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ เอชเอชที เปิดเผยว่า “เนื่องจากปัจจุบันธุรกิจในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้ง มีความต้องการของตลาดทั่วโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าแนวโน้มในการขยายกำลังการผลิตและการส่งออกกุ้งจากการเพาะเลี้ยงยังมีศักยภาพมาก ด้วยเหตุนี้ความต้องการลูกกุ้งที่มีคุณภาพสูงจึงมีความต้องการในปริมาณที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้ว่าทิศทางการเติบโตของธุรกิจมีการพัฒนาในเชิงบวก แต่มาตรการการควบคุมอาหารปลอดภัย (Food safety) และข้อกำหนดในด้านมาตรฐานของสินค้าก็มีความเข้มงวดมากขึ้นตามไปด้วย ดังเห็นได้จากการมีข้อกำหนดในการควบคุมคุณภาพสินค้าส่งออกในกลุ่มผลิตภัณฑ์กุ้ง ต้องสามารถผ่านการตรวจสอบผลิตภัณฑ์แบบย้อนกลับ หรือ traceability ซึ่งต้องสามารถตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในมือผู้บริโภคได้ตลอดขบวนการผลิต ตั้งแต่การผลิตตัวอ่อน (Hatchery), อาหารเพื่อการเพาะเลี้ยง (Feed mill), ผู้ส่งออกและผู้นำเข้าสินค้า จนถึงผู้บริโภค ด้วยเหตุดังกล่าวทางบริษัทฯ จึงเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีการพัฒนาสายพันธุ์ และการผลิตลูกกุ้งให้มีคุณภาพสูงนั้นมีความจำเป็นมาก ตลอดจนเป็นจุดเริ่มต้นของสายการผลิตที่ต่อเนื่องของกลุ่มบริษัทฯโดยเน้นคุณภาพของขบวนการเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสินค้าของบริษัทฯ มีความปลอดภัยและคุณภาพสูง โดยใส่ใจตั้งแต่ลำดับมาตรฐานวัตถุดิบที่มีคุณภาพ ทั้งนี้ทางบริษัทจึงลงทุนในบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด โดยคาดว่าจะสามารถรองรับต่อการเติบโตของธุรกิจควบคู่ไปกับการสนับสนุนเกษตรกรของประเทศไทยในเรื่องของการทำ “Contract Farming” ให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งนี้กำลังการผลิตของ เอชเอชที สามารถผลิตลูกกุ้งได้กว่า 3,600 ล้านตัวต่อปี และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตลูกกุ้งคุณภาพสูงได้ถึง 5,000 ล้านตัวภายในเดือนมิถุนายนปีนี้ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของเกษตรกรผู้เลี้ยงภายในประเทศ”
และยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับทีมบริหารที่เราคัดเลือกมาเพื่อดูแลบริษัทฯ ใหม่แห่งนี้ จะมุ่งเน้นในการพัฒนาเทคโนโลยี และการบริการที่ดีให้กับเกษตรกรเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อฟาร์มเพาะเลี้ยงภายในประเทศไทย ผู้ให้บริการด้านอาหาร และผู้ร่วมธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง นำโดย ดร. เจมส์ อัลเลน วายแบน (Dr. James Allen Wyban) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้งคุณภาพสูงจากฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการของ เอชเอชที ตลอดจนทีมผู้บริหารระดับสูงจาก ทีเอฟเอ็ม และ ทียูเอฟ ซึ่งปัจจุบันโรงงานและศูนย์ทดลอง พร้อมดำเนินการผลิต ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของภูเก็ต บนพื้นที่กว่า 96 ไร่ หรือ 15 เฮกตาร์ ณ เขาปิหลาย จังหวัดพังงา”
ดร. เจมส์ อัลเลน วายแบน (Dr. James Allen Wyban) กรรมการผู้จัดการบริษัท ไฮ เฮลท์ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ เอชเอชที กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทางบริษัท ไฮเฮลท์ อะควาคัลเชอร์ อินคอร์ปอเรเต็ด (High Health Aquaculture Incorporated: HHA) ได้ตกลงร่วมทุนกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด หรือ ทีเอฟเอ็ม เพื่อจัดตั้งบริษัท เพื่อพัฒนาและผลิตลูกกุ้งคุณภาพสูง ที่มีลักษณะปราศจากเชื้อโรค (Specific Pathogen Free: SPF) สามารถต้านทานเชื้อไวรัสและเติบโตได้เร็ว (Fast growth and Taura virus resistance: GxTVR) ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมเฉพาะสำหรับเอชเอชที ตลอดจนเป็นลูกกุ้งที่ไม่มีสารเคมีตกค้าง จึงทำให้ได้ผลผลิตลูกกุ้งที่มีความแข็งแรงและมีอัตรารอดจากการเพาะเลี้ยงได้สูงมาก จึงทำให้เกษตรกรมีต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ และนำมาซึ่งโอกาสในการทำกำไรได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในปี 2006 เอชเอชที จึงถูกก่อสร้างขึ้นในทำเลที่มีคุณภาพของน้ำที่ดี ตลอดจนทางบริษัทฯ ได้มีการนำนวัตกรรมในการควบคุมมาตรฐานการเพาะเลี้ยงอย่างปลอดภัยทั้งระบบ และคำนึงถึงระบบการควบคุมดูแลคุณภาพของสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วน โดยในปี 2007 นี้ บริษัทฯ ได้เริ่มการดำเนินการโดยมีความมั่นใจว่าด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีของเอชเอชที จะสามารถยกระดับมาตรฐานการเพาะเลี้ยงกุ้งของไทย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตลอดจนการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยสามารถรักษาระดับความเป็นผู้นำในการผลิตและส่งออกกุ้งในระดับสากล”
ข้อมูลเพิ่มเติม: ฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นายลภัส ขวัญมงคล
อีเมล์: [email protected]
[email protected]
โทรศัพท์: (662) 298-0024 ต่อ 675 - 678
โทรสาร: (662) 298-0024 ต่อ 679
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๒๔ แจกจริง! แบรนด์ซุปไก่สกัดส่งมอบรถเทสล่า มูลค่า 1.649 ล้านบาท ให้ผู้โชคดี ในแคมเปญ ดื่มแบรนด์ สแกนเลขในขวด ปี
๑๓:๕๐ GFC ตอบโจทย์ทุกความปลอดภัยเรื่องอาคาร - ถังแช่แข็งตัวอ่อน เปิดให้บริการสำหรับผู้มีบุตรยากตามปกติครบ 3
๑๓:๕๗ KJL ลุยภาคใต้! จัดใหญ่สัมมนา 'รวมพลคนไฟฟ้า ON TOUR' ที่ภูเก็ต
๑๒:๐๐ แว่นท็อปเจริญ จับมือ กรมกำลังพลทหารบก แนะแนวการศึกษาและอาชีพ สร้างโอกาสแก่ทหารกองประจำการและครอบครัว
๐๒ เม.ย. AnyMind Group คว้ารางวัล Gold ในงาน Martech Innovation Awards 2025
๐๒ เม.ย. โชว์พลังดีไซน์ไทยในงาน STYLE Bangkok 2025 รวมแบรนด์ดาวรุ่งจาก Talent Thai และ Designers' Room ที่คุณไม่ควรพลาด
๐๒ เม.ย. ธนาคารกสิกรไทย จัดสัมมนาใหญ่ K WEALTH Forum: เจาะลึก 5 ปัจจัยเปลี่ยนเกมการลงทุนโลก
๐๒ เม.ย. PSP ปิดดีลทุ่ม 409.5 ลบ. ถือหุ้นใน รีไซเคิล เอ็นจิเนียริ่ง (RE) ปักหมุดธุรกิจสู่ศูนย์กลางรีไซเคิลสารเคมีแห่งภูมิภาค
๐๒ เม.ย. กลุ่มซีไอเอ็มบี เปิดรับสมัครสอบชิงทุน CIMB ASEAN Scholarship 2025 ทุนเรียนต่อปริญญาตรี - ปริญญาโท พร้อมโอกาสร่วมงานกับกลุ่มซีไอเอ็มบี
๐๒ เม.ย. ศูนย์การค้าเครือเอ็ม บี เค เปิดพิกัดจุดสรงน้ำพระ เสริมสิริมงคลกับเทศกาล สงกรานต์อิ่มบุญ