กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--ไมนด์ ทัช
นายภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แต่งตั้ง “นาตาลี เกลโบวา” มิสยูนิเวิร์ส 2005 เป็น Brand Ambassador ถือเป็นครั้งแรกของวงการเครือข่ายร้านแว่นตา เนื่องจาก คุณนาตาลีเป็นที่รู้จักและยอมรับทั่วโลก สอดคล้องกับนโยบายเป้าหมายของบริษัทฯ ในการที่จะเป็นผู้นำเครือข่ายร้านแว่นตาระดับภูมิภาคและในระดับสากล โดยบริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณการตลาดไว้ที่จำนวน 10-15 ล้านบาทสำหรับการดำเนินกลยุทธ์ Presenter Marketing ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามภายหลังที่ได้แต่งตั้งคุณนาตาลี เป็น Brand Ambassador แล้ว จะทำหน้าที่ในฐานะฑูตของแบรนด์ เป็นตัวแทนขององค์กรในการนำภาพลักษณ์ที่ดีของ หอแว่น กรุ๊ป ออกสู่สายตาของประชาชน ทั้งในส่วนขององค์กร แบรนด์ Better Vision และ หอแว่น รวมถึงการบริการตรวจวัดสายตา BVAX ซึ่งเป็นบริการที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหอแว่นฯ โดยสัญญาการว่าจ้างฯ จะมีระยะเวลา 1 ปีเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมและสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2550
สำหรับโฆษณาแคมเปญแรกที่จะเปิดตัว โดยมีคุณนาตาลีเป็น Presenter นั้น คือ โฆษณาการตรวจวัดสายตา BVAX เป็นบริการตรวจวัดสายตาอย่างละเอียด 12 ขั้นตอนเพื่อความแม่นยำของค่าสายตาและการประกอบแว่น ซึ่งเป็นมาตรฐานของร้านหอแว่น และ ร้าน Better Vision ทุกแห่งที่ลูกค้าได้เข้าไปใช้บริการ
“บริษัท หอแว่นฯ ได้เลือก คุณนาตาลีเป็น Brand Ambassador เนื่องจากมีความสามารถ ความงาม และบุคลิกภาพ เป็นที่ยอมรับทั่วโลก ด้วยมีตำแหน่งของมิสยูนิเวิร์ส 2005 การันตี ขณะเดียวกันก็สอดคล้องกับนโยบายเป้าหมายของหอแว่นฯ ที่ตั้งเป้าเป็นผู้นำเครือข่ายร้านแว่นตาในระดับภูมิภาคและสากลต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงเชื่อว่าภาพลักษณ์ของคุณนาตาลี ในฐานะ Brand Ambassador ที่ถึงแม้จะเป็นชาวต่างชาติ แต่ก็รักในวัฒนธรรมความเป็นไทย และได้รับความเอ็นดูจากคนไทยในทุกระดับ จะช่วยเกื้อหนุนภาพลักษณ์ของหอแว่นฯ ได้อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ”นายภาคีกล่าวพร้อมให้รายละเอียดว่า
การเลือกผู้ที่มีชื่อเสียงมาเป็นฑูตขององค์กร ถือว่าเป็นกลยุทธ์การตลาดที่สำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะนำบริษัทฯ ไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างตราสินค้า ตอกย้ำภาพลักษณ์ รวมทั้งขยายฐานลูกค้าไปพร้อมๆ กัน ซึ่งในปี 2550 นี้ หอแว่นฯ ได้ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตที่ 20% หรือคิดเป็นยอดขายกว่า 1,080 ล้านบาท โดยได้เตรียมงบประมาณการตลาดและประชาสัมพันธ์ไว้ทั้งปีนี้จำนวน 30 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้วางแผนขยายสาขาในประเทศเพิ่มอีก 10 แห่ง และในต่างประเทศเพิ่มอีก 2 แห่ง โดยใช้งบประมาณการลงทุนเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยแห่งละประมาณ 5-7 ล้านบาท ภายหลังที่ได้เปิดสาขาตามที่กำหนดไว้แล้วภายในสิ้นปี 2550 นี้ บริษัทจะมีสาขาในประเทศเดิม 100 แห่ง เพิ่มเป็น 110 แห่ง และสาขาต่างประเทศเดิม 22 แห่ง เพิ่มเป็น 24 แห่ง รวมมีสาขาทั้งหมด 134 แห่ง
นายภาคีกล่าวเสริมว่า “กลยุทธ์การตลาดของบริษัทฯ ยังคงเน้นการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างร้าน “หอแว่น” และ “Better Vision” ให้เห็นอย่างชัดเจน โดย “หอแว่น” เป็นร้านแว่นตามืออาชีพ ให้บริการแก่ลูกค้าด้วยบุคลากรที่มีประสบการณ์และเป็นมืออาชีพในการตรวจวัดและประกอบแว่นสายตา กลุ่มเป้า หมายจะเป็นกลุ่มคนที่ต้องการแว่นตาเพื่อแก้ไขปัญหาสายตา ส่วน “Better Vision” นั้นจะเปิดในศูนย์การค้าชั้นนำและ High End กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่ม A-B บวก เน้นสินค้าประเภทแฟชั่น โดยวางตำแหน่งตราสินค้าเป็นผู้นำด้านแฟชั่นแว่นตา แต่ทั้ง 2 แบรนด์นี้จะมีความเหมือน คือ ไม่ใช้กลยุทธ์ด้านราคามาทำตลาด และทุกร้านจะมีมาตรฐานราคาเดียวกัน”
อนึ่งในปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีอัตราการเติบโต 15% และมีส่วนแบ่งการตลาด 18% เป็นอันดับ 2 ในธุรกิจเครือข่ายร้านแว่นตา ส่วนในด้านสถานการณ์ตลาดแว่นตานั้น จะสังเกตได้ว่าปัจจุบันแนวโน้มพฤติกรรมการสวมใส่แว่นของผู้บริโภคไทยมีการเปลี่ยนแปลงไป โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกใช้แว่นกันแดด และแว่นสายตาที่มีแบรนด์ มีดีไซน์และความเป็นแฟชั่นมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มความถี่ในการซื้อแว่นทั้งแว่นสายตาและแว่นกันแดด โดยในปี 2549 ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมแว่นตาโดยรวมยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท และในปี 2550 นี้คาดว่าตลาดรวมจะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 7-8%
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ
บริษัท ไมนด์ ทัช จำกัด - ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์
ชัชสรัล (ป้อม) เทียมวัน (09 443 6886)
สาวิตรี ปึงเจริญกุล (01 816 4598)
โทร 02 689 2334-5
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
- พ.ย. ๒๕๖๗ ภาพข่าว: “หอแว่น” เปิดตัวแว่นกันแดด “POLICE” คอลเลคชั่นใหม่
- พ.ย. ๒๕๖๗ พัฒนาคุณภาพการบริการอย่างต่อเนื่อง
- พ.ย. ๖๕๕๑ “โครงการผ่าต้อกระจกแด่ผู้ยากไร้”