กรุงเทพฯ--10 ก.ค.--กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยความคืบหน้าของความพยายามในการเร่งให้การเจรจารอบโดฮาขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) สามารถสรุปผลได้ว่า นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการ WTO ได้เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกที่มีบทบาทสำคัญต่อการเจรจารอบโดฮายอมผ่อนปรนท่าทีต่างๆ ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่จะต้องพยายามลดการอุดหนุนภายในลงให้มากกว่านี้ รวมทั้งสหภาพยุโรปและญี่ปุ่นที่จะต้องลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรให้มากกว่าปัจจุบัน นอกจากนี้บราซิลและอินเดียก็จะต้องลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่มีภาษีอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ล่าสุดสมาชิก WTO ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถสรุปผลการเจรจารอบโดฮาได้ทันภายในปลายปี 2550 เนื่องจากการเจรจาล่าช้ามามากแล้ว
สหรัฐฯ ได้เคยเสนอท่าทีดั้งเดิม คือ กำหนดเพดานการอุดหนุนไม่เกิน 23 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปี และต่อมาก็ได้มีการหารือกันอย่างไม่เป็นทางการเรื่อยมา จนล่าสุดนางซูซาน ชวาร์ป ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้เสนอว่า อาจยอมปรับลดการอุดหนุนดังกล่าวเหลือไม่เกิน 17 พันล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปี แต่ล่าสุดก็ยังมีสมาชิก WTO อีกหลายประเทศ โดยเฉพาะบราซิล อินเดีย และสมาชิกกลุ่ม G-20 ที่ต้องการให้สหรัฐฯ ลดการอุดหนุนดังกล่าวให้เหลือไม่เกิน 12 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อปี
อย่างไรก็ดี สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปแจ้งว่าเหตุผลที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่บราซิลและอินเดียยังไม่ยอมลดภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่มีภาษีอยู่ในระดับสูงมาก ในขณะที่บราซิลและอินเดียก็ออกมาตอบโต้ว่า การที่จะให้บราซิลและอินเดียซึ่งเป็นประเทศกำลังพัฒนาลดภาษีนำเข้าอุตสาหกรรมลงมากในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ไม่ค่อยพยายามผ่อนปรนท่าทีต่างๆ ลงเลยนั้น คงจะขัดต่อเจตนารมณ์ของ WTO เป็นอย่างมาก
“การเจรจารอบโดฮาจะสำเร็จได้ จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการลดการอุดหนุนสำหรับสินค้าเกษตร และลดภาษีสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมลงอย่างเป็นรูปธรรม ภายในช่วงนี้ก่อนที่จะสายเกินไปกว่านี้ และไทยก็ได้ใช้โอกาสการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ที่เมืองเครนส์ (Cairns) ประเทศออสเตรเลีย เรียกร้องให้ทุกประเทศแสดงความยืดหยุ่น และไม่ติดยึดท่าทีเดิมมากเกินไป” อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
ทั้งนี้ ประธานการเจรจาทั้งกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม มีกำหนดที่จะออกร่างความตกลงของทั้งสองกลุ่มให้ทันภายในกลางเดือนกรกฎาคม 2550 นี้ เพื่อให้สามารถหารือในรายละเอียดและมีความคืบหน้าก่อนที่จะถึงช่วงปิดทำการภาคฤดูร้อนนี้ แต่ที่น่ากังวลเป็นอย่างมากก็คือหากการเจรจาไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ทันภายในปลายปีนี้ ก็อาจจะต้องล่าช้าไปอีกประมาณ 2 ปี เนื่องจากสหรัฐฯ จะเริ่มหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตั้งแต่ต้นปี 2551 ตามด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหภาพยุโรป และการแต่งตั้งกรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรปในปี 2552 อีกด้วย จึงคาดว่าทั้งสองประเทศอาจจะไม่ยอมขยับท่าทีที่เป็นเรื่องอ่อนไหวในช่วงสำคัญดังกล่าว
- ๒๓ พ.ย. ไต้หวัน เดินหน้านโยบายมุ่งใต้ใหม่ ยกระดับความร่วมมือไทย-ไต้หวัน พร้อมโชว์นวัตกรรมอัจฉริยะ ในงาน TAIWAN EXPO 2024
- ๒๓ พ.ย. อัพเดท 'นวัตกรรมแห่งอนาคต' ในงาน TAIWAN EXPO 2024 in Thailand 21-23 พ.ย. นี้
- ๒๓ พ.ย. DITP เตรียมโรดโชว์งาน American Film Market 2024 ที่ลาสเวกัส ดึงคอนเทนต์ไทย หวังโกยรายได้ไม่น้อยกว่า 800 ล้านบาท