MPT เผยไตรมาส 4/2549 ขาดทุนสุทธิลดลงต่อเนื่อง ขณะที่มีปริมาณผลิตและส่งมอบสินค้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งในปีนี้

ศุกร์ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๐๐๗ ๑๑:๔๕
กรุงเทพฯ--23 ก.พ.--เจดี พาร์ทเนอร์
แมกเนคอมพ์ พรีชิชั่น เทคโนโลยี (MPT) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2549 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมากจากไตรมาสที่ผ่านมา โดยปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านเพิ่มขึ้น 7% ยอดขายเพิ่มขึ้น 2% ขณะที่ขาดทุนสุทธิลดลง 56% จากไตรมาสที่ 3 ปี 2549 มาอยู่ที่ 66.4 ล้านบาท ระบุผลจากการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทเมื่อปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มีการลดต้นทุนและทำให้การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพขึ้น จะเป็นแรงผลักดันให้บริษัทฯ มีผลประกอบการดีขึ้นอีกครั้งในปี 2550
(23 กุมภาพันธ์ 2550) นายสตีเวน เกลน แคมเบลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกเนคอมพ์ พรีซิชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ “MPT” (“บริษัทฯ”) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2549 และผลการดำเนินงานในรอบปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ มีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 โดยขาดทุนสุทธิลดลง 56% มาอยู่ที่ 66.4 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2549 ซึ่งมีขาดทุนอยู่ที่ 151.7 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาสที่ 4 ปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านอยู่ที่ 92.4 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาส 3/2549 ซึ่งอยู่ที่ 86.6 ล้านชิ้น และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม แม้ในไตรมาส 4/2549 บริษัทฯ มีปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านจะเพิ่มขึ้น แต่ยอดขายของบริษัทฯ ได้ลดลงมาอยู่ที่ 2,473.2 ล้านบาท หรือลดลง 11% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2548 ซึ่งอยู่ที่ 2,784.6 ล้านบาท การลดลงของยอดขายในไตรมาสที่ 4 นี้ เป็นผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ซึ่งกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ ที่รับรู้เป็นดอลล่าร์สหรัฐ
“เรายังคงมุ่งที่จะสร้างผลประกอบการให้ดีขึ้น โดยผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2549 มีผลขาดทุนสุทธิลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 2 ขณะที่มีปริมาณผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปริมาณการผลิตและส่งมอบแขนจับหัวอ่านนี้ ได้รวมถึงแขนจับหัวอ่านในรูปแบบใหม่ คือ การบันทึกแบบ PMR ไดรฟ์ (Perpendicular Magnetic Recording : PMR) เพื่อใช้งานในเซิร์ฟเวอร์สมรรถนะสูง และเพื่อใช้ในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอุปโภค ที่มีแผ่นแม่เหล็กจำนวนมาก (multi-platter) เพื่อความจุในการบันทึกข้อมูลของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับการอุปโภค การขยายตัวอย่างรวดเร็วของตลาดสินค้าอิเล็กทรอนิกส์นี้ รวมถึงเครื่องบันทึกวิดีโอส่วนบุคคล (personal video recorders: PVRs) โทรทัศน์ที่มีความละเอียดสูง (HDTV) เกมส์ และอุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้าน”
สำหรับผลการดำเนินงานในรอบปี 2549 บริษัทฯ มียอดขาย 9,592.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 132.2 ล้านบาท เปรียบเทียบกับยอดขายปี 2548 ซึ่งอยู่ที่ 9,459.9 ล้านบาท บริษัทฯ มีขาดทุนสุทธิ 898.4 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.43 บาทต่อหุ้น เทียบกับปี 2548 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 553.8 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.32 บาทต่อหุ้น โดยผลประกอบการปี 2549 ที่ปรับลดลงนี้ ได้รวมค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างบริษัทและค่าใช้จ่ายในการปรับลดแรงงาน จำนวน 651.7 ล้านบาท ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2549 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการปิดโรงงานดงกวานในสาธารณรัฐประชาชนจีน ในไตรมาสที่ 2 ปี 2549 ตามแผนงานที่วางไว้ และการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรจากการหมดความนิยมของผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีรูปแบบเก่า นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานในรอบปี 2549 ของบริษัทฯ ยังได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลล่าร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้ดำเนินการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้วในปี 2550
“ปี 2549 นับเป็นปีแห่งการปรับโครงสร้างของ MPT ซึ่งเราได้ดำเนินกลยุทธ์หลายอย่าง เพื่อฟื้นผลประกอบการให้กลับมามีกำไร โดยเราได้ปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัทฯ ให้มีขนาดที่เหมาะสมกับโครงสร้างต้นทุน เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และสามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังลดขนาดธุรกิจอื่นๆ ที่มิใช่การผลิตแขนจับหัวอ่าน อันเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ ด้วยการขายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตแม่พิมพ์ให้แก่บริษัท MQ Technology Berhad (“MQ”) ในเดือนธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดกำไรเป็นจำนวน 27 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว จะช่วยให้บริษัทกลับมามีผลประกอบการที่ดีขึ้นในปี 2550 นอกจากนี้ เรายังวางแผนที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าแขนจับหัวอ่านอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังคงให้ความสำคัญกับการลดต้นทุน โดยแผนงานดังกล่าวทจะมีส่วนช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ กับลูกค้าให้แน่นแฟ้นขึ้น อันจะก่อให้เกิดผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นต่อไปในอนาคต“ นายสตีเวน เกลน แคมเบลล์ กล่าว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ
บริษัท เจดี พาร์ทเนอร์ จำกัด
โทร +66 2661 8803-5 โทรสาร +66 2661 8813
E-mail: [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๙:๕๕ ดร.เอ้ สุดยอดผู้นำด้าน AI เชื่อมั่น รพ.พระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร จะปฏิวัติการแพทย์ไทย ด้วย AI พร้อมความตั้งใจอันแน่วแน่
๐๙:๐๓ รมว.นฤมล ผลักดันกฎระเบียบว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EUDR)
๐๙:๑๖ เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ ร่วมกับ สภากาชาดไทย ชวนร่วมบริจาคโลหิต 26 ธันวาคมนี้ ชั้น 7 โซน A เพิ่มโลหิต เพิ่มชีวิต
๐๙:๔๗ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จัดเต็ม!! ลงพื้นที่เร่งลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาส สร้างชีวิตแก่ชาวหนองคายอย่างยั่งยืน
๐๙:๕๕ มูลนิธิอายิโนะโมะโต๊ะ ส่งมอบอาคารโรงอาหารอายิโนะโมะโต๊ะ ให้แก่ โรงเรียนบ้านดอนมะกอก จังหวัดสุราษฎร์ธานี
๐๙:๐๕ กทม. เข้มงวดโครงการก่อสร้างคอนโดฯ ในซอยสุขุมวิท 93 ปฏิบัติตามมาตรการ EIA
๐๙:๕๐ การเคหะแห่งชาติตั้งเป้าสร้างที่อยู่อาศัยรองรับสังคมผู้สูงอายุ
๐๙:๒๘ ทำอย่างไรจึงจะทำให้มีการใช้ generative AI มากขึ้น
๐๙:๔๐ NocNoc จับมือ กฟผ. ส่งความสุขปีใหม่ให้คนรักบ้าน มอบส่วนลดสินค้าประหยัดไฟเบอร์ 5 สูงสุด 500 บาท เมื่อช้อปผ่าน NocNoc Chat Shop ทัก-ช้อป-ลด เริ่ม 25 ธ.ค. 67
๐๙:๑๔ Warrior ตั้ม ศุภกิตติ์ หรือ ตั้ม โทมัส ทอม จากทีมมาสเตอร์ ดร.อั้ม อธิชาติ คว้าชัย The Social Warrior คนแรกของประเทศไทย