กรุงเทพฯ--14 ก.พ.--เอเซีย เมทัล
“ชูศักดิ์”ปลื้มผลประกอบการปี 2549 กำไรสุทธิขยายตัวจากปีก่อน 113.74% ทั้งที่รายได้เพิ่มขึ้นแค่ 15.56% ระบุเป็นผลพวงจากการจัดการและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ผนวกกับราคาเหล็กที่ขยับต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีถึงไตรมาส 3/49 ดันมาร์จิ้นขยับสู่ 7.99% เปรียบเทียบกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 4.82% เผยแผนงานปี 2550 เตรียมผุดโรงงานที่อำเภอพนัสนิคม กำลังการผลิต 180,000 ตัน/ปี มั่นใจเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงปลายปี ส่วนรายได้ปีนี้วางเป้าหมายไว้ที่ 5,500 ล้านบาท
นายชูศักดิ์ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเซีย เมทัล(AMC) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงาน สำหรับงวดปี 2549 มีกำไรสุทธิ 172.18 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.43 บาท เพิ่มขึ้นจำนวน 91.63 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานงวดเดียวกันของปี 2548 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 113.74 (ปี 2548 มีกำไรสุทธิ 80.55 ล้านบาทกำไรต่อหุ้น 0.23 บาท)
ทั้งนี้บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการทั้งสิ้นของปี 2549 เท่ากับ 4,837.49 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15.56 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2548 โดยปี 2549 มีรายได้จากศูนย์บริการเหล็ก 3,623.46 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 74.91 ของรายได้ และมีรายได้จากการจำหน่ายเหล็กรูปพรรณ 1,213.73 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 25.09 ของรายได้ ขณะที่ต้นทุนขายและต้นทุนการให้บริการเท่ากับ 4,450.86 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 92.01 ของรายได้และมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร เท่ากับ 116.33 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.40 ของรายได้ นอกจากนั้นบริษัทยังมีภาระภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับปีจำนวน 59.17 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานรอบปี 2549 ในส่วนของรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้นแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ในส่วนของกำไรสุทธิกลับก้าวกระโดดถึง 113% เนื่องจากบริษัทมีการจัดการและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพทำให้สามารถประหยัดต้นทุนได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ที่ผ่านมาได้รับผลบวกจากราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2549 ถึงช่วงไตรมาสที่ 3/49 ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.82 เป็นร้อยละ 7.99 ในปี 2549 และส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ ร้อยละ 3.56 ในปี 2549"
เขากล่าวต่อถึงแผนการลงทุนในปีนี้ว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 600-700 ล้านบาท (เป็นเงินได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุน) สำหรับการซื้อที่ดินในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี เนื้อที่รวม 100 ไร่ 85 ตารางวา พร้อมอาคารโรงงาน 1 หลัง และอาคารสำนักงาน 2 ชั้น 1 หลัง โดยบริษัทวางแผนจะใช้ที่ดินดังกล่าวในการติดตั้งเครื่องจักรผลิตท่อเหล็ก ซึ่งบริษัทได้ซื้อเครื่องจักรใช้แล้วสำหรับผลิตท่อเหล็ก พร้อมอุปกรณ์ 1 สายการผลิต มีอายุการใช้งานได้อีก 20 ปี ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 165,000 ตันต่อปี
เนื่องจากสถานที่ทำงานเดิมเริ่มคับแคบหลังจากมีคำสั่งซื้อจากลูกค้าเข้ามาต่อเนื่อง บริษัทจึงจำเป็นต้องหาพื้นที่เพิ่มเติมเพื่อขยายกำลังการผลิตให้สูงขึ้นและสามารถรองรับคำสั่งซื้อได้มากขึ้นด้วย และที่สำคัญทำเลที่ตั้งของสำนักงานถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ทาง LOGISTICS เนื่องจากอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ท่าเรือ และใกล้แหล่งวัตถุดิบ ช่วยให้ลดต้นทุนการขนส่งได้อีกด้วย
“หลังจากที่เราซื้อที่ดิน ก็ได้เข้าไปปรับปรุงอาคารสำนักงานและออกแบบเพิ่มเติมสำหรับติดตั้งเครื่องรีดท่อขนาดใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ และเครื่องจักรที่มีอยู่แล้วแต่ยังไม่มีสถานที่ติดตั้งเพราะสถานที่เดิมเต็ม ซึ่งส่วนนี้จะมีกำลังการผลิต 60,000 ตันต่อปี และเครื่องรีดท่อใหญ่มีกำลังการผลิต 120,000 ตันต่อปี ซึ่งเครื่องรีดท่อขนาดใหญ่สามารถผลิตท่อขนาดตั้งแต่ 6 นิ้วขึ้นไป”
นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่าในเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดทดลองสายการผลิตได้ในช่วงปลายปี2550 จากนั้นจะผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ โดยสายการผลิตใหม่นี้จะเน้นผลิตสินค้าคุณภาพสูง ซึ่งมีคู่แข่งในตลาดน้อยรายและสินค้าในกลุ่มดังกล่าวจะมีกำไรขั้นต้นที่อยู่ในอัตราค่อนข้างสูง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการสร้างรายได้-กำไรของบริษัทอย่างชัดเจนในอนาคต ทั้งนี้ในปีแรกหลังจากเดินสายการผลิตจะผลักดันรายได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นไม่มาก โดยคาดว่าสิ้นปี 2550 จะมีรายได้ประมาณ 5,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามรายได้จะมีอัตราขยายตัวได้อย่างโดดเด่นในปี 2551 ภายหลังจากที่สามารถเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่และรับรู้รายได้เต็มปี
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม :
คุณณัฐพงษ์ ใจแกล้ว โทร. 02-5549394-96 หรือ 081-4010226