กกร. หนุน รัฐบาลลงนาม FTA ไทย-ญี่ปุ่น

ศุกร์ ๓๐ มีนาคม ๒๐๐๗ ๑๒:๐๗
กรุงเทพฯ--30 มี.ค.--กกร.
ประธานสามสถาบันภาคเอกชน ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย สนับสนุนรัฐบาลลงนาม FTA ไทย-ญี่ปุ่น
ภาคเอกชนไทย ให้ความสำคัญกับประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประเทศคู่ค้าที่สำคัญของไทย การลงทุนต่างประเทศในไทย กว่าร้อยละ 40 เป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น การผลักดันให้ลงนาม FTA ไทย-ญี่ปุ่น จะสามารถดึงดูดให้นักลงทุนญี่ปุ่น ขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งสินค้ากลับไปขายยังตลาดญี่ปุ่นเอง และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ที่ผ่านมา ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมในการเจรจากับภาครัฐ มาโดยตลอด จึงรับทราบข้อมูลต่าง ๆ เป็นอย่างดี และเห็นว่าการจัดทำความตกลง JTEPA นี้ มิได้ครอบคลุมเฉพาะการลดภาษีศุลกากรของรายการสินค้าเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงความร่วมมือในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การพัฒนาทรัพยากรบุคคล วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น
สำหรับภาคอุตสาหกรรมนั้น มีการปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอยู่ แล้ว เพียงแต่ส่วนหนึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการลงนามความตกลง JTEPA บ้าง แต่ก็มีเวลา 5-10 ปี ที่จะปรับตัว และภาครัฐเองก็ได้เตรียมจัดตั้งกองทุนเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการเหล่านี้ จึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก
สำหรับภาคเกษตร จะได้รับผลดีอย่างแน่นอน ด้วยความตกลง JTEPA นี้ได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรหลายประเภท เช่น สินค้ากุ้ง ไก่ สับปะรด ผัก แป้งมันสำปะหลัง เป็นต้น จึงทำให้ไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรกร ได้ประโยชน์จากความตกลงนี้ เพราะญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารกว่าร้อยละ 60
ภาคเอกชนมองว่า หากชะลอการลงนามความตกลง JTEPA นี้ ออกไป จะทำให้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในญี่ปุ่น ให้กับประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ซึ่งลงนาม FTA กับญี่ปุ่นไปแล้ว นอกจากนี้ เวียดนามและอินโดนีเซียในฐานะประเทศคู่แข่งที่สำคัญของสินค้าเกษตรของไทย กำลังจะลงนาม FTA กับญี่ปุ่นในเร็วๆนี้ จึงคาดว่านักลงทุนญี่ปุ่น คงหันไปลงทุนในเวียดนาม
หากดูจากสถิติการค้าระหว่างไทยและญี่ปุ่น การส่งออกของไทยไปญี่ปุ่น คิดเป็นร้อยละ 13 ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศ โดยในปี 2549 มีมูลค่าการส่งออก 16,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 ในปีนี้ (2550) คาดว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 17,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหากลงนามความตกลง JTEPA แล้ว คาดว่าการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนประเด็นข้อกังวลในเรื่อง การนำเข้าสินค้าขยะอุตสาหกรรม และการจดสิทธิบัตรจุลชีพนั้น ภาคเอกชนได้ทบทวนแล้ว เห็นว่าไม่น่ากังวลเนื่องจากมีกฎหมายไทย เช่น พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 รวมทั้งกฎหมายระหว่างประเทศ เช่น อนุสัญญาบาเซล และข้อยกเว้นด้านสุขอนามัยของคน พืช และสัตว์ เป็นต้น ควบคุมอยู่

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๐ คปภ. เปิดตัวคู่มือการทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) และการประกันอัคคีภัย แนะแนวทางการกำหนดจำนวนเงินเอาประกันภัยอย่างเหมาะสม
๑๖:๒๖ SiteMinder เผย โรงแรมไทยเติบโต ก้าวเป็นผู้นำตลาด หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้าประเทศ
๑๗:๕๙ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งให้การต้อนรับ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
๑๖:๐๐ fintips by ttb เผยเคล็ดลับ รถใหม่ป้ายแดงหรือรถมือสอง เลือกแบบไหนให้เหมาะกับเราที่สุด
๑๖:๐๐ มาแล้ว! เปิดตัว Samsung Galaxy S25 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด มาพร้อม Galaxy AI ผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่ของคนไทย ตอบโจทย์รู้ใจทุกความต้องการเฉพาะคน
๑๖:๐๐ กทม. เดินหน้ากำจัดปลาหมอคางดำ ลดผลกระทบเกษตรกร-แปรรูปสร้างรายได้
๑๖:๐๐ เดอะไนน์ เซ็นเตอร์ พระราม 9 ร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีนยิ่งใหญ่ Chinese Market 2025 ช้อปสินค้ามงคล เสริมดวงโชคดีมั่งมี
๑๖:๐๐ SNPS ต้อนรับ คณะผู้บริหารและนักวิจัยสภากาชาดไทย
๑๕:๒๔ BEST Supply Chain ยกระดับจัดการคลังสินค้ายุคใหม่ ชู BEST Fulfillment เพิ่มประสิทธิภาพจัดการสินค้า จบครบในที่เดียว
๑๕:๐๐ เด็กซ์ซอนผนึกกำลังภาคีเครือข่าย TCCA ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero