ผลการดำเนินงาน บจ.งวด 9 เดือน ปี 2550 มีกำไรรวมกว่าสามแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันล้านบาท

อังคาร ๒๐ พฤศจิกายน ๒๐๐๗ ๑๐:๑๗
กรุงเทพฯ--20 พ.ย.--ตลท.
บริษัทจดทะเบียนประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2550 มีกำไรสุทธิรวม 319,013 ล้านบาท โดยมียอดขายรวม 4,218,627 ล้านบาท โดยบริษัทจดทะเบียนร้อยละ 79 มีกำไรสุทธิ สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรม 3 อันดับแรกที่กำไรสุทธิรวมสูงสุดได้แก่ กลุ่มทรัพยากร กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม บริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ PTT SCC PTTEP BBL และ TOP ตามลำดับ
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนประจำงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2550 ว่า บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 465 บริษัท จากบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 491 บริษัท รวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์ และบริษัทในกลุ่ม NC( Non-Compliance) และ NPG (Non — Performing Group ) มีกำไรสุทธิรวม 319,013 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 15 โดยมีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 366 บริษัท และขาดทุนสุทธิ 99 บริษัท คิดเป็นสัดส่วน 79 ต่อ 21 อย่างไรก็ตามหากพิจารณายอดขายรวมงวด 9 เดือน ปี 2550 เท่ากับ 4,218,627 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ผลการดำเนินงานโดยรวมในงวดไตรมาส 3 ปี 2550 มีกำไรสุทธิ 108,052 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ6 ในขณะที่ยอดขายรวมมีจำนวน 1,476,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
นางภัทรียากล่าวว่า “ สาเหตุหลักที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนงวด 9 เดือนของปี 50 ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน มาจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของกลุ่มธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนเพิ่มตามเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39) ประกอบกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลด ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ลดลง ”
สำหรับบริษัทในกลุ่ม SET100 มีกำไรสุทธิ 287,671 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของกำไรสุทธิรวม ลดลงร้อยละ 11 ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ผลกระทบที่สำคัญเกิดจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นตั้งแต่ต้นปี ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 41 ส่วนบริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม SET50 กำไรสุทธิ 262,006 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 82 ของกำไรสุทธิรวม ลดลงร้อยละ 15 โดยมี ยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ทำให้กำไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 21 เป็นร้อยละ 20
ทั้งนี้ บริษัทที่มีมูลค่ากำไรสุทธิรวมสูงสุด 5 อันดับแรกคือ บมจ.ปตท. (PTT) บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และ บมจ.ไทยออยล์ (TOP)
ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน 8 กลุ่มอุตสาหกรรม (Industry Group ) ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC( Non-Compliance) และ NPG (Non — Performing Group ) มียอดขายเพิ่มเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ยกเว้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยผลการดำเนินงานเรียงตามกลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดรวมกำไรสุทธิสูงสุด ดังนี้
1. กลุ่มทรัพยากร ประกอบด้วย หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค และหมวดเหมืองแร่มีกำไรสุทธิ 151,456 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 4
2. กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ประกอบด้วย หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดวัสดุก่อสร้างและ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ มีกำไรสุทธิ 56,548 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 จากงวดเดียวกันของปีก่อน
3. กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบด้วย หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดกระดาษและวัสดุการพิมพ์ และหมวดยานยนต์ มีกำไรสุทธิ 28,360 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6 โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 และต้นทุนขายเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกันร้อยละ 9 ในขณะที่กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลงร้อยละ 60
4. กลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบด้วย หมวดธนาคาร หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ และหมวดประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิรวม 27,238 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 63 โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์ 12 แห่ง มีกำไรสุทธิรวม 17,539 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 73 โดยมีสาเหตุหลักจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มตามเกณฑ์ใหม่ของธปท. เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีระหว่างประเทศ (IAS 39)
ในขณะที่บริษัทในหมวดเงินทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ (ไม่รวมบริษัทที่ประกอบธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่ง) 19 บริษัท มีกำไรสุทธิ 3,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14 เนื่องจากบริษัทเงินทุนมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรับสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนหมวดประกันภัยและประกันชีวิต มีกำไรสุทธิรวม 3,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 13
5. กลุ่มเทคโนโลยี ประกอบด้วย หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และหมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีกำไรสุทธิ 25,534 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 อย่างไรก็ตาม หมวดชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีกำไรสุทธิสูงขึ้นร้อยละ 34 โดยมีผลกำไรจากการเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้น
6. กลุ่มบริการ ประกอบด้วย หมวดพาณิชย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดการแพทย์ หมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดบริการเฉพาะกิจ และหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรสุทธิ 24,265 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ขณะที่ต้นทุนขายเพิ่มเพียงร้อยละ 7 โดยหมวดขนส่งและโลจิสติกส์ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 25 และหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 19
7. กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วย หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดธุรกิจการเกษตร มีกำไรสุทธิ 6,981 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 29 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะตกต่ำของราคาเนื้อสัตว์ในประเทศและต้นทุนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์เพิ่มจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2550
8. กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย หมวดของใช้ในครัวเรือน หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดแฟชั่น มีกำไรสุทธิ 2,251 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 51 จากผลประกอบการที่ลดลงของหมวดแฟชั่นเป็นหลัก
ติดต่อส่วนสื่อมวลชนสัมพันธ์ ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ลดาวัลย์ กันทวงศ์ โทร.0-2229—2036 / ศรินทร์ลักษณ์ จิตกะวงศ์ โทร. 0-2229—2037/
ณัฐพร บุญประภา โทร. 0-2229 — 2049 / วรรษมน เสาวคนธ์เสถียร โทร. 0-2229-2797

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version