กรุงเทพฯ--22 พ.ย.--ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเม้นท์
"ปกรณ์" ยืดอกยอมรับกับนักลงทุนปี 2550 แนวโน้มรายได้ของ L&E จะทรงตัวจากปีก่อน ลั่นไม่ห่วงกระทบราคาหุ้น แต่ต้องการให้นักลงทุนรับทราบสถานการณ์ที่แท้จริง ส่วนปีหน้ามั่นใจผลประกอบการจะพลิกกลับมาเติบโตแบบโดดเด่นได้อีกครั้ง หลังงานที่เริ่มวางรากฐานไว้จะเริ่มผลิดอกออกผลให้เห็น
นายปกรณ์ บริมาสพร ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ (L&E) กล่าวยอมรับว่าแนวโน้มรายได้ในปี 2550 อาจจะทำได้เพียงทรงตัวเมื่อเทียบกับปี 2549 โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมายังมองธุรกิจและรายได้มีแนวโน้มเติบโตได้ในอัตรา 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามหลังจากไตรมาสที่ 3/50 ผ่านพ้นไปก็พบว่าสถานการณ์ของธุรกิจเริ่มไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ โดยผลประกอบการของ L&E ในไตรมาสที่ 3/50 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นว่ารายได้ในปี 2550 ที่อาจจะทำได้เพียงทรงตัว เนื่องจากงานบางส่วนที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงปลายปีได้ชะลอออกไปเป็นปีหน้า
“สำหรับงานที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดคือโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ประเภทโรงแรมและศูนย์การค้าที่ชะลอการก่อสร้างมาตั้งแต่ต้นปียังคงชะลอต่อไป ในขณะที่งานปรับปรุง รวมไปถึงการเปลี่ยนรูปแบบการตกแต่งของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และโครงการขนาดใหญ่ก็ชะลอไปด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติเพราะก่อนหน้านี้แม้จะคาดการณ์ล่วงหน้าว่าโครงการใหม่จะชะลอการก่อสร้าง แต่โครงการปรับปรุงก็จะยังมีอยู่ แต่ในปีนี้ได้ชะลอออกไปทั้งหมด ทำให้รายได้จากงานเหล่านี้ ที่คาดว่าจะเข้ามาในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีต้องเลื่อนไปเป็นปีหน้า นอกจากนี้การชะลอของโครงการขนาดใหญ่ ทำให้สินค้าต้องสั่งทำเป็นพิเศษ (CUSTOM — MADE) ขายได้น้อยลง ขณะที่สินค้าที่ขายได้ก็จะเป็นสินค้าในกลุ่มที่มีการแข่งขันรุนแรง จึงมีผลให้กำไรจากการขายลดลงไปในทิศทางเดียวกัน”
ขณะเดียวกันแผนการขยายธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกเพื่อให้ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายก็ยังเดินหน้าไม่เต็มที่ เนื่องจากสินค้าในกลุ่มนี้มีความหลากหลายน้อยเกินไป ประการสำคัญการเตรียมความพร้อมทางด้านบุคลากรและการสร้างกลไกในการขายส่งยังไม่ลงตัวเต็มที่ ดังนั้น จึงยังไม่เห็นรายได้ที่จะเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ และประการสุดท้ายการขยายตลาดส่งออก ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากโรงงานที่ปรับปรุงใหม่ ยังไม่บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้ เพราะการผลิตสินค้าจากเครื่องจักรใหม่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ ประกอบกับการขายสินค้า OEM ให้กับลูกค้าต่างประเทศ ที่คาดว่าจะสรุปได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี ก็ยังรอรายละเอียดจากลูกค้า ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้เห็นภาพชัดเจนในช่วงสิ้นไตรมาส 3/50 ทำให้บริษัทต้องปรับประมาณการใหม่
นายปกรณ์กล่าวต่อว่า การออกมายอมรับในเรื่องรายได้ในปีนี้ แม้จะมีความเสี่ยงจะเกิดผลกระทบต่อราคาหุ้นบนกระดาน แต่คาดว่าคงไม่มากนักเพราะเชื่อว่านักลงส่วนใหญ่เข้าใจ เนื่องจากจะเห็นได้ว่าแม้ว่าปีนี้รายได้จะอยู่ในระดับทรงตัว แต่คาดว่าจะพลิกฟื้นและกลับมาโดดเด่นได้ในปี 2551 โดยงานที่ชะลอออกไปจะไปเห็นผลการรับรู้รายได้ในปีหน้าและ เมื่อรวมกับแผนงานเดิมที่วางไว้สำหรับการขยายธุรกิจในปีหน้า
“ช่วงที่ผลประกอบการจะเติบโตดีเราก็ออกมาบอก ดังนั้นเมื่อผลประกอบการจะทำได้แค่ทรงตัวก็ต้องบอกด้วยเหมือนกัน เพื่อยืนยันถึงความโปร่งใสที่เรามีต่อนักลงทุน เพราะเชื่อว่านักลงส่วนใหญ่เข้าใจ”
นายปกรณ์กล่าวในช่วงท้ายว่า ปัจจุบันรายได้ของ L&E มาจากตลาดโครงการ 65% ที่เหลือเป็นรายได้จากตลาดค้าปลีก-ส่ง โดยตลาดส่งออกมีสัดส่วนเพียง 2% และใน 2-3 ปีข้างหน้า รายได้จากโครงการจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 50% จากธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกและส่งออกที่จะเติบโตอย่างโดดเด่นและขยายสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต โดยคาดว่าธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกจะเติบโตเพิ่มสัดส่วนรายได้มาเป็น 40% ของรายได้ ส่วนการส่งออกจะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม ซึ่งเชื่อว่าสัดส่วนรายได้นี้จะลงตัว เพราะถือว่ากระจายความเสี่ยงได้มากกว่าเดิม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : ปภาดา สุวรรณกูฎ 02-5549396 , 085-133-0184